เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ที่ห้องประชุมอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวบ้านเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี ในนามสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เข้าประชุมคณะทำงานตรวจสอบเท็จจริงปัญหาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องในพระราชดำริ ซึ่งในประเด็นแรกได้มีการพิจารณากรณีการเดินแนวท่อจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี โดยชาวบ้านชี้แจงว่า ได้รับความเดือดร้อน เพราะแนวท่อนั้นต้องขุดเจาะผ่านหน้าบ้านของชาวบ้านหลายราย ซึ่งบางรายได้รับเงินค่าชดเชยแล้ว แต่บางรายยังไม่ได้รับ ขณะที่กรมชลประทานกลับเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว
นางมาลี สีสุข ชาวบ้านหมู่ 9 ตำบลจริม อำเภอท่าปลา กล่าวว่านายจันทร์ มโนหลักหมื่น บิดาของตนซึ่งอยู่หมู่ 4 ถูกขุดเจาะฝังท่อเดินน้ำบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้รับเหมาชี้แจงว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับไม่จริงเพราะต้องสูญเสียต้นไม้ พื้นคอนกรีตและบ้านร้าว โดยผู้รับเหมาเริ่มขุดเจาะในวันที่ 4 มกราคม 2561 ผ่านมากว่า 1 ปียังไม่ได้รับเงินค่าชดเชย
.
“ทีแรกเขาชี้แจงว่าตกหล่น ยังไม่ได้แผนที่มา พอวันที่ 29 เมษายน 2562 ผู้รับมอบอำนาจได้เข้ามาหาและเอาดินมาถมเพราะกลัวทรุด แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ทราบราคาที่ดิน ยังไม่ทราบราคาต้นไม้ และยังไม่มีการเก็บเอกสารบัญชีธนาคาร ทั้งที่เขาบอกว่าจะโอนให้เราภายใน 3 เดือน ถ้านับจากเมษายนก็คือเดือนนี้ (กรกฎาคม) ต้องได้แล้ว เขาได้แผนที่ไปแล้วด้วย” นางมาลีกล่าว
.
ขณะที่ตัวแทนกรมชลประทานชี้แจงว่า ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าชดเชยคือผู้ที่ยังไม่ได้มีแผนที่รังวัด
.
“จะให้ดำเนินการภายใน 30 วัน ซึ่งก็ในทางปฏิบัติผมมองว่ามันทำไม่ได้ เพราะปัญหาคือ หนึ่ง มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้ แต่ยังไม่ได้รังวัด แผนที่ยังมาไม่ครบถ้วน หลังจากมีการร้องเรียนก็ได้ประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ทำการรังวัด เก็บคำขอต่างๆ มาเรียบร้อย แต่แผนที่ทำการรังวัดที่ทำทีหลังยังไม่ออก ก็ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน เพื่อจะทำรายละเอียดค่าทดแทนทรัพย์สินไปตามกระบวนการ ถึงจะได้เงินมา ส่วนคนที่ได้แล้ว เพราะเขาได้แผนที่มาก่อน จัดทำรายละเอียด จัดทำบัญชี ได้มาก่อนก็เอาไปจ่ายเงินก่อน” ตัวแทนจากกรมชลประทานชี้แจง
.
นายปุริมพัฒน์ เกิดนิมิตร ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี กล่าวว่า การอ้างว่ากระบวนการยังไม่แล้วเสร็จนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากค่าชดเชยต้องดำเนินการจ่ายก่อนเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า กรมชลประทานได้ให้ดำเนินการขุดเจาะและฝังท่อเดินน้ำไปแล้ว ในบางกรณีไม่มีการชดเชย และในบางกรณีไม่มีการชี้แจงจากกรมชลประทานต่อชาวบ้านเจ้าของพื้นที่แต่อย่างใด
.
“จริงๆ แล้วที่กรมชลประทานอ้างว่ายังรังวัดไม่เสร็จ ขอเงินไม่แล้วเสร็จ มันฟังไม่ขึ้น จริงๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยเสียก่อนถึงจะเข้าใช้ที่ดินได้ แต่ท่านกลับเข้าใช้ที่ดินก่อน อย่างนี้อย่าให้เกิดอีก ที่แล้วกันไปท่านต้องแสดงความรับผิดชอบ ชาวบ้านเขาก็ให้ท่านใช้ที่ดินก่อน แต่มาบอกว่ากระบวนการยังไม่เริ่ม ที่ติดขัดคือเรื่องภายในนะครับ ท่านต้องตระหนักในความเดือดร้อน ไม่ใช่เอาปัญหาของตัวเองมาให้ประชาชนรับทราบ” นายปุริมพัฒน์ กล่าว
.
หลังจากนั้นได้มีการพิจารณากรณีผู้ถูกตัดสิทธิ์รับเงินค่าชดเชยที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย โดยนางสว่าง คำปัญญา ครอบครองบ้านหลัง 29 กมุภาพันธ์ 2551 ซึ่งเป็นวันเริ่มสำรวจปักหลักเขต อย่างไรก็ตาม นายปุริมพัฒน์ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้เกณฑ์วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ตรวจสอบจนตัดสิทธิ์นางสว่างนั้นเป็นการรังวัดก่อนมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการในวันที่ 20 เมษายน 2554 ซึ่งไม่มีความชอบธรรมและทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน
.
นางสว่างกล่าวว่า ตนมีที่ดิน 20 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้สิทธิ์ตรงนี้ เพราะเราเป็นเจ้าของที่ดินจริงๆ ทำกินมาตั้งแต่ปี 2548 แต่ปี 2550 ไม่ได้ไปรังวัดเอง ให้น้องสาวไปรังวัดแทน เราอยากให้เขาติดประกาศไปเลยว่าภายใน 30 วันนี้จะแก้ไขปัญหาให้ เพราะมันยืดเยื้อมานาและได้รับผลกระทบ ต้นมะม่วงหิมพานต์ 30 กว่าต้น ต้นมะไฟ ต้นสัก เราต้องการค่าชดเชยทั้งที่ดินและต้นไม้ จ่ายตามที่เราสมควรจะได้
.
ทั้งนี้ ประชาชนในเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี ได้รับความเดือดร้อนนับตั้งแต่การสร้างเขื่อนผาซ่อมในปี 2506 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนสิริกิติ์ กระทบประชาชน 4 ตำบลของอำเภอท่าปลา ได้แก่ ตำบลท่าปลา ตำบลจริม ตำบลหาดล้า และตำบลท่าแฝก ภายหลังได้มีการอพยพผู้ได้รับผลกระทบออกมาจนแล้วเสร็จในปี 2514
.
ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 23 พฤษภาคม 2547 ได้เกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มน้ำหลากในพื้นที่ตำบลน้ำหมันและตำบลจริม ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิต 66 ราย สูญหายอย่างน้อย 29 ราย และบ้านเรือนเสียหายกว่า 50 หลัง หลังจากนั้นกรมชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี แต่กลับมาเป็นฝันร้ายของชาวบ้านอีกครั้งตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน