ภาพจาก Facebook Maitree Jongkraijug
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562 นายไมตรี จงไกรจักร แกนนำเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฎิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) เปิดเผยว่าน้ำท่วมใหญ่ที่อุบลราชธานีในครั้งนี้ คปสม.ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้นที่ อำเภอวารินชำราบ เนื่องจากมีสมาชิกของเครือข่ายอย่างน้อย 5 ชุมชนที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้ถึง 2 เท่า และตอนนี้ยังมีหลายเรื่องที่น่ากังวลใจ โดยเฉพาะคาดว่าน้ำจะยังท่วมอยู่อีก 10-15 วัน ดังนั้นจึงต้องคำนึงว่าชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร และภายหลังน้ำแห้งแล้วจะฟื้นฟูอย่างไร
นายไมตรีกล่าวว่า เท่าที่ได้ลงไปในพื้นที่พบว่าในชุมชนมีข้าวของเครื่องใช้เพียงพอ แต่การบริหารจัดการยังมีปัญหา เพราะอยู่ด้วยกันเยอะมากกว่า 800 คน ที่สำคัญคือมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งไม่ยอมออกจากบ้านมาอยู่ที่ศูนย์ และไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนซึ่งเป็นปัญหามาก และระบบการดูแลศูนย์อพยพขนาดใหญ่ไม่มีใครบริหาร มีแค่เทศบาลเท่านั้นที่ตั้งระบบศูนย์รับบริจาค
“บางชุมชนที่อยู่ไกลๆพบว่าหัวใจสำคัญคือการดูแลกันเป็นกลุ่มๆ บางชุมชนมีเรือมากพอสมควร สามารถส่งข้าวได้ แต่บางชุชนพบว่าการขนย้ายไม่ทันเพราะเรือมีแค่ 2 ลำในการขนย้ายของ เขาขนของคนจำนวนมากไม่ได้ ผ่านไป 3 วันถึงมีเรือจากข้างนอกเข้ามาช่วย สมาชิกหารือกันแล้วจึงเห็นว่าควรมีเรือประจำชุมชน ต่อไปไม่ต้องเป็นภาระใคร ชุมชนช่วยเหลือกันเองได้ เราเลยประกาศระดมทุนสร้างเรือ เบื้องต้นจะระดมให้ได้สัก 10 ลำ ราคาลำละประมาณ 6 หมื่น” นายไมตรี กล่าว
นายไมตรีกล่าวว่า ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่ศูนย์ที่ต้องอยู่กันต่ออีก 10-15 วันก็น่าจะพออยู่กันได้เพราะข้าวของเครื่องใช้ที่รับบริจาคมาก็เพียงพอ แต่ที่น่าห่วงคือคนที่อยู่บ้าน เพราะจำลำบากในการหาเสบียง ที่สำคัญคือเรื่องการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยเฉพาะเรื่องระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้ต่างๆ ควรที่จะระดมหรือขอความช่วยเหลือจากวิทยาลัยเทคนิคต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายระดับจังหวัดที่ต้องดำเนินการ โดยให้ท้องถิ่นทำการสำรวจ เมื่อรู้ข้อมูลทั้งหมดก็ให้จังหวัดเป็นวางแผน
“สาเหตุที่น้ำมาเร็วและแรงในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าต่างคนต่างเร่งระบายน้ำ ทำให้คนท้ายน้ำลำบาก และในอุบลฯยังไม่มีการบริหารจัดการน้ำดีพอ ทำให้น้ำท่วมขัง และปากแม่น้ำมูนก็เล็ก จุดอ่อนอีกเรื่องหนึ่งคือต้นจังหวัดประเมินสถานการณ์ต่ำมาก และประกาศภัยระดับจังหวัดหรือระดับสอง ทำให้หน่วยงานอื่นภายนอกมาช่วยไม่ได้”นายไมตรี กล่าว
/////////////////////