เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2559 นายวิชรุจน์ สิงห์คะ ครูประจำศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน บ้านสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลประกาศนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสนในพื้นที่ กว่า 600 ไร่ ชาวบ้านในหมู่บ้านสบกกเป็นหนึ่งในชุมชนที่อาจจะต้องถูกทางการเวนคืนที่ดินทั้งหมดกว่า 100 หลังคาเรือน ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรมและค้าขาย เนื่องจากเชียงแสนเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงราย และบ้านสบกกก็ไม่ได้ไกลจากเมืองมากนัก ชาวบ้านจึงมีรายได้พอยังชีพ แต่ต่อมาเมื่อมีแผนพัฒนาท่าเรือเชียงแสนและล่าสุดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้นนายทุนก็เข้ามาปั่นราคาที่ดินให้แพงขึ้น ขณะนี้ราคาที่ดินอยู่ที่ไร่ละประมาณ500,000 บาทแล้ว ซึ่งหากปล่อยให้มีการเก็งกำไรไปเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเชื่อว่าไม่สามารถสร้างความมั่นคงแก่เชียงแสนได้ ที่สำคัญที่ดินโดยส่วนมากในตำบลบ้านแซวก็เป็นที่ดิน สปก. เป็นที่สำหรับการทำเกษตรของชาวบ้านมานาน มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่มีโฉนดที่ดิน แต่ไม่ถึงร้อย 50ของที่ทั้งหมด ดังนั้นเป็นไปได้ว่าที่ดินบางแปลงที่มีโฉนดอาจมีกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง แต่กรณีชาวบ้านสบกกที่ทำกินอยู่ขณะนี้มีพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินประมาณครัวเรือนละ5-6ไร่เท่านั้น ส่วนมากปลูกข้าวโพดและผักทั่วไป ไม่ได้มีการทำกำไรใดๆในที่ดินที่เกินความจำเป็น
นายวิชรุจน์ กล่าวด้วยว่า หากถูกเวนคืนที่ดินจริง ขณะนี้ชาวบ้านไม่ทราบว่าอนาคตจะต้องถูกโยกย้ายไปที่ใด เบื้องต้นมีข่าวว่ารัฐบาลอาจจะจ่ายชดเชยให้ไร่ละ 100,000 บาท แต่ส่วนมากลงความเห็นว่าจำนวนเงินดังกล่าวไม่สามารถชดเชยพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัยได้ เพราะนายทุนปั่นราคาให้สูงแล้ว และแปลงที่ใกล้ท่าเรือเชียงแสน ส่วนมากนายทุนก็ซื้อขาดไปแล้ว ถ้าชาวสบกกต้องถูกเวนคืน หมายความว่า อาจจะต้องย้ายถิ่นที่อยู่ไกลจากบ้านเกิด เสี่ยงก่อผลกระทบด้านความมั่นคงทางที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน
“ชาวบ้านไม่รู้เลยว่ามาตรา 44 จะมาเอาที่ดินไป ผมว่าเหมือนมัดมือชก แบบนี้เราก็ตาย หลายคนที่สบกกเคยถูกเวนคืนตอนสร้างท่าเรือแล้ว มาตอนนี้จะเอาไปสร้างเศรษฐกิจพิเศษอีก เราไม่ใช่ผัก ปลานะ จะย้ายไป ไหนก็ได้ ผมว่ารัฐบาลน่าจะปล่อยเชียงแสนให้เป็นไปตามกลไกท้องถิ่นบ้าง เราอยู่ใกล้เพื่อนบ้านไม่ได้แปลว่าเราต้องแข่งขันกันทางเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรม เราอยู่แบบพึ่งพาเกษตร แลกเปลี่ยนผลผลิตกันเรื่อยๆได้ มันไม่คุ้มเลยที่จะย้ายชาวบ้านออกเยอะขนาดนี้ รุ่นหลังจะมีอะไรอยู่ มีอะไรทำกินกันละในอนาคต ถ้ารัฐเอาแต่ต้อนเราออกแบบนี้ ผมอยากให้เขาให้ข้อมูลชาวบ้านที่ลึกกว่านี้ว่า เศรษฐกิจพิเศษที่ว่าจะทำอะไร ทำแล้วชาวบ้านได้อะไร แล้วบอกมาให้ชัดว่า600 ไร่ นี้ตรงไหนย้ายออกบ้าง ตรงไหนอยู่ต่อได้ ไอ้ที่ย้ายเราออกเอาที่ดินไปทำอะไร เพราะมันไม่ชัดเจนว่ารายละเอียดเศรษฐกิจพิเศษคืออะไรบ้าง พิเศษแค่ไหน ” นายวิชรุจน์ กล่าว
อนึ่ง ข้อมูลจากจังหวัดเชียงรายระบุถึงแนวคิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไว้ว่า เน้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำเมืองต้นผึ้ง กับแขวงบ่อแก้วของประเทศลาว โดยอำเภอเชียงแสน เป็นท่าเรือสู่จีนตะวันตก และการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ และ อำเภอแม่สาย เป็นตลาดการค้าชายแดนไทย-พม่า และการท่องเที่ยวเชื่อมกรุงมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า