เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 นายอำพล จินดาวัฒนะ รองประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ สภาขับเคลื่อนประเทศ(สปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอการปฏิรูปเพื่อส่งเสริมชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลให้มีความเข้มแข็งว่า สปท.ได้จัดทำรายงานส่งไปยังรัฐบาลแล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้มีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ผู้แทนรัฐบาล ผู้แทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสปช. โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นด้วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชาวเล ทั้งเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย รวมถึงเรื่องการทำมาหากิน โดยต่างเห็นว่าความมั่นคงของมนุษย์ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งนายสุวพันธุ์ได้มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)นำข้อเสนอไปศึกษาว่าจะมีประเด็นขับเคลื่อนอย่างไร
นายอำพลกล่าวว่า นอกจากนั้นนั้นตนและคณะได้เดินทางเข้าพบพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งพลตำรวจเอกอดุลย์มองว่าพม.มีความพร้อมที่จะเป็นแกนนำในการประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาชาวเล ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลแล้วว่าจะเดินหน้าอย่างไร เพราะปัญหาของชาวเลนั้นเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายและหลายหน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ
“แม้คณะกรรมการ 3 ฝ่ายจะมอบให้สมช.ไปดูแล แต่สมช.ไม่ใช่หน่วยปฎิบัติการ เลยไม่มีใครนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรีจนถึงวันนี้ ผมทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีเองก็ลำบากใจ เพราะปัญหาของคนเล็กคนน้อยในสังคมบ้านเราแยกส่วนกันอยู่ เลยไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ” นายอำพล กล่าว
ทั้งนี้ในรายงานที่สปท.เสนอไปยังรัฐบาลระบุว่า 1.เร่งรัดการขับเคลื่อนมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล 2 มิถุนายน 2553 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ที่มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพภาคที่ 4 หรือกอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธานและมีศูนย์มานุษวิทยาสิรินธรเป็นเลขานุการ และควรมีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาโดยยกเรื่องปัญหาที่อยู่อาศัย พื้นที่สาธารณะและจิตวิญญาณของชุมชนมาอันดับแรก และในระหว่างที่มีการฟ้องร้องคดีต้องมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการคุ้มครอง รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ประสบปัญหา และอันดับสองคือการทำมาหากินที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม อันดับสามคือสถานะทางทะเบียนราษฎร์ และปัญหาอันดับสี่คือการศึกษาและสาธารณะสุข
ในรายงานระบุว่า 2.ผลักดันการพัฒนาพื้นที่คุ้มครองทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์ชาวเล 3.ขยายผลเรื่องการคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ที่เผชิญปัญหาที่คล้ายคลึงกัน เช่น ชุมชนกะเหรี่ยง 4.ทบทวนการผลักดันการขับเคลื่อนแผนแม่บทพัฒนากลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย(พ.ศ.2558-2560)(อ่านรายงานฉบับเต็มของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศด้านสังคม ได้ที่ https://transbordernews.in.th/home/?p=15054 )
อนึ่ง ในระหว่างวันที่19-20 พฤศจิกายนนี้ ที่ชุมชนหาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต ชาวเลอันดามันจะร่วมกันจัดงาน “รวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ครั้งที่ 7” โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ หนังกลางแปลง “มอแกนไม่มีคำว่ากังวล”, การแสดงรองแง็งถวายอาลัย การเสวนาในหัวข้อ “ทำไมต้องคุ้มครองทางวัฒนธรรม” โดยผู้เข้าร่วมเสวนา อาทิ ศ.พิเศษวิชา มหาคุณ พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ นางเตือนใจ ดีเทศน์ และ ดร.นฤมล อรุโณทัย