Search

ชาวเลถูกรีสอร์ตไล่ ยื่นนายกฯช่วยแก้

 

 

ภาพจาก โพสต์ทูเดย์

 

เมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิชุมชนไทย ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร สำนักกิจการชาติพันธุ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงวัฒนธรรรม (วธ.) สำนักงานปฏิรูป ภาคีเครือข่ายชาวเล จัดงานเสวนาวิกฤตวิถีชาวเล เรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาของคนไทยไร้สัญชาติ

 

นาย ศักดิ์ชัย จลุทั้งสี่ เยาวชนชาวเล กล่าวถึงปัญหาของชาวเลในฝั่งอันดามันทั้งในส่วนของชาวมอแกน ชาวมอแกลน และชาวอุรักลาโว้ย ว่า ขณะนี้ชาวเลกำลังได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของปัญหาที่อยู่อาศัยและ พื้นที่ทำกินอย่างมาก หลังจากการท่องเที่ยวพัฒนาและขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ เช่น ชาวบ้านไม่มีที่อยู่อาศัย เพราะถูกภาคเอกชนและหน่วยราชการฟ้องขับไล่ที่ เนื่องจากต้องการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัว รวมทั้งมีปัญหาชาวบ้านที่เป็นชาติพันธุ์เดิมไม่มีเอกสารครอบครองที่ดิน จึงถูกผู้ประกอบการรีสอร์ตและโรงแรมขนาดใหญ่ผลักไสให้ย้ายถิ่นฐานจนไร้สุสาน ฝังศพ

 

“จากการที่ได้ฟังเสียงจากคนแก่คนเฒ่า ในพื้นที่ ทราบว่าสุสานและที่ฝังศพอันเป็นวัฒนธรรมหลักของชาวเล ซึ่งมีมานานกว่า 100 ปี แต่กลุ่มนายทุนที่เข้ามายื่นฟ้องไล่ชาวบ้านกลับมีโฉนดที่ดินในการถือสิทธิ ครอบครองนานกว่า 40 ปี ไม่เข้าใจเช่นกันว่า พวกเขาได้รับเอกสารมาอย่างไร แต่ทำไมชาวเลในพื้นที่จึงต้องถูกขับไล่เรื่อยมา” ศักดิ์ชัยกล่าว


นาง ปรีดา คงแป้น ผู้ประสานงานมูลนิธิชุมชนไทย กล่าวว่า ปัญหาอย่างหนึ่งของกลุ่มชาวเลที่ถือเป็นความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรงในสังคม ไทย คือ การไม่มีสิทธิ ไม่มีสวัสดิการใดๆ เพราะไม่มีสัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มคนดังกล่าว แม้จะอยู่ในแผ่นดินไทยมานับร้อยปี แต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับบัตรประชาชน รวมกับวิถีการดำรงชีวิตที่มีการย้ายถิ่นฐานบ่อย ทำให้ตกสำรวจ เมื่อทางการมี สำมะโนประชากรแต่ละปีจึงไม่มีการพิสูจน์สิทธิสัญชาติ กระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง คนกลุ่มนี้จึงไม่มีสิทธิและสวัสดิการใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น

 

นางปรีดา กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ชาวมอแกนคนหนึ่ง ชื่อ นายแตแบน บางจาก อายุ 70 ปี อยู่ที่หมู่บ้านราไวย์ ป่วยด้วยโรควัณโรคขั้นรุนแรง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต่อมาเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ญาติพี่น้องไม่สามารถนำศพออกไปประกอบพิธีกรรมได้ เพราะติดค้างค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 50,000 บาท บังเอิญมีอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงพื้นที่ไปทำงานทราบเรื่องจึงประสานงานกับทีมงานของ ศ.ธนวัฒน์ จารุพงศ์สกุล หัวหน้าโครงการทำงานด้านยุทธศาสตร์ภัยพิบัติ ซึ่ง ศ.ธนวัฒน์ ได้บริจาคเงินมาให้ 5,000 บาท เพื่อให้ญาตินำไปผ่อนชำระให้กับโรงพยาบาลแลกกับการนำศพออกไปทำพิธี แล้วให้ญาติของนายแตแบนลงชื่อทำสัญญาผ่อนส่งกับโรงพยาบาลเดือนละ 500 บาท จนครบ ซึ่งขณะนี้ยังมีการผ่อนส่งเรื่อยๆ

 

“น่าสะเทือนใจว่า เมื่อครั้งมีชีวิต พวกเขาเหมือนคนไร้ค่า แต่เมื่อตายไปกลับกลายเป็นว่า ศพเขามีราคาต้องเอาเงินไปดาวน์ศพออกมาก่อน แล้วค่อยๆ ผ่อนทีหลัง การผ่อนศพเดือนละ 500 บาท อาจจะดูไม่มากสำหรับคนอื่น แต่สำหรับชาวบ้านเหล่านี้ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก ถามว่าเหตุใดโรงพยาบาลไม่มีแผนกสงเคราะห์ผู้ยากไร้หรือ เขาก็ตอบว่ามี แต่มีเฉพาะผู้ยากไร้ที่มีบัตรประชาชนเท่านั้น ในกรณีนี้ถือเป็นปัญหามาก เพราะการป่วยด้วยโรคติดต่อ หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา โรคอาจจะระบาดลุกลามเข้าชุมชนได้” นางปรีดากล่าว และว่า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ตัวแทนกลุ่มชาวเลทั้งหมด จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

น.ส.นฤมล อรุโณทัย นักวิชาการสถาบันวิจัยทางสังคม จุฬาฯ กล่าวว่า ปัญหาของชาวเลมักถูกสังคมมองข้าม แต่หากศึกษาและเรียนรู้กับวิถีของคนเหล่านี้ จะพบว่าวัฒนธรรม องค์ความรู้ และวิถีชีวิตของพวกเขามีคุณค่าควรแก่การศึกษาและรักษาไว้อย่างยิ่ง


“ขณะ นี้พวกเขาเหมือนกับหลังพิงฝา เพราะทุกฝ่ายที่ควรเข้ามาดูแล ช่วยเหลือไม่ได้ทำอะไรเต็มที่มากนัก ถามว่า สังคมจะสูญเสียอะไรบ้าง หากชาวเลหายไปจากประเทศไทย ตอบว่า เราพูดกันตลอดเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเป็นเรื่องสำคัญ คนกลุ่มนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่จะรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ พวกเขามีความรู้ในธรรมชาติของทะเลมากจนบางเรื่องนักวิชาการยังตกใจ เช่น การจำแนกลักษณะคลื่น ลักษณะโขดหินในทะเล ในแนวปะการัง เพียงแต่บางครั้งไม่มีใครสามารถแปลภาษาที่เขาสื่อสารได้เท่านั้น” น.ส.นฤมลกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีชุมชนชาวเลประมาณ 41 ชุมชน 2,758 ครัวเรือน มีประชากรประมาณ 12,000 คน กระจายใน 5 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ จ.ภูเก็ต 5 ชุมชน จ.พังงา 20 ชุมชน จ.ระนอง 3 ชุมชน จ.กระบี่ 10 ชุมชน และ จ.สตูล 3 ชุมชน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มมอแกนอาศัยในพื้นที่เกาะเหลา เกาะสินไห เกาะช้าง และเกาะพยามใน จ.ระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ ใน จ.พังงา และบ้านราไวย์ใน จ.ภูเก็ต มีประชากรกว่า 2,100 คน 2.กลุ่มมอแกลน เป็นกลุ่มที่อาศัยตั้งบ้านเรือนชายฝั่งทะเล มีวิถีชีวิตผสมผสานกับสมัยใหม่ เช่น หมู่บ้านชาวเลชายฝั่งทะเลกว่าสิบหมู่บ้านใน จ.พังงา จ.ภูเก็ต และเกาะพระทอง ประชากร 3,700 คน และ 3.กลุ่มอุรักลาโว้ย เป็นชาวเลที่มีภาษาพูดเฉพาะแตกต่างจากมอแกนและมอแกลน เป็นกลุ่มที่อาศัยตามเกาะต่างๆ ใน จ.สตูล จ.ภูเก็ต บางส่วน และ จ.กระบี่ เช่น เกาะลันตา เกาะพีพี ฯลฯ มีประชากรกว่า 6,200 คน ปัจจุบันกลุ่ม ชาวเลต่างๆ เหล่านี้ ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน คือ ถูกนายทุนฟ้องร้องขับไล่ออกจากพื้นที่ โดยอ้างเอกสารสิทธิทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งหลายแห่งเป็นพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ชาวเลอาศัยอยู่มาแต่ดั้งเดิม แต่อุทยานฯ เพิ่งจะมาประกาศเขตใน ภายหลัง อย่างไรก็ตาม พื้นที่เหล่านั้นของอุทยานฯ ก็ถูกเอกชนรุกราน โดยเข้าไปสร้างบ้านพักตากอากาศ และรีสอร์ตจนมีการฟ้องร้องกันในขณะนี้

 

11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 35 ฉบับที่ 12664 มติชนรายวัน

 

 

 

On Key

Related Posts

เหยื่อ 20 ชาติ 261 คนพ้นขุมนรก กะเหรี่ยง DKBA ส่งตัวให้ไทย ญาติสุดปลื้มขอบคุณประเทศไทย แต่อีกนับหมื่นยังถูกกักขัง ผบ.ราชมนู ชี้เป็นผลจากมาตรการ 3 ตัดบริษัทเล็กย้ายหนี-บริษัทใหญ่ลดระดับลง 50%

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าข้าม 28Read More →

ผู้นำกะเหรี่ยง DKBA แจงไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนมีเหยื่อต่างชาติถูกบังคับเป็นสแกมเมอร์ระบุพร้อมทำตามความต้องการของรัฐบาลไทย ประสาน“กัณวีร์”ช่วยเหยื่อต่างชาติอีกนับร้อย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้นำกองกำลังกะเหรีRead More →

ชาวบ้านริมโขงโวย เวทีรับฟังเขื่อนสานะคามกีดกันผู้ได้รับผลกระทบ จวก สทนช.ไม่เปิดโอกาสแสดงความเห็นตรงไปตรงมา “หาญณรงค์”จี้หยุดสร้างเขื่อน-สร้างภาระให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สวนอาหารบ่อปลา วRead More →