Search

อนาคต”ชาวเล”น่าห่วง วัฒนธรรมใหม่-รีสอร์ตรุกคืบ

เมื่อ ปี พ.ศ.2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่เกาะพีพี จ.กระบี่ คราวนั้นมีชาวไทยใหม่ หรือชาวเลที่อาศัยอยู่บริเวณแหลมตง ของเกาะพีพี เฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเรื่องการศึกษาของชาวเล แต่ตอนนั้นเกาะพีพียังไม่มีโรงเรียน พระองค์จึงมีแนวพระราชดำริที่จะให้มีโรงเรียนสำหรับชาวเล เพื่อให้เด็กๆ ชาวเลได้มีโอกาสเรียนหนังสือ

 

ชาวบ้านในเกาะพีพีจึงพร้อมใจที่จะสร้าง โรงเรียน ที่ ต.อ่าวนาง ชื่อ โรงเรียนบ้านแหลมตง ชายใจบุญคนหนึ่งบริจาคที่ดินจำนวน 4 ไร่ 2 งาน และมีอีกหลายคนร่วมกันเพื่อให้ลูกหลานชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเลได้มีโอกาสเรียนหนังสือกัน

 

ป้าปราง ชาวอูรักลาโว้ย เป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในตอนนั้น บอกว่า ดีใจเหลือเกินที่ได้ชื่นชมพระบารมี และดีใจมากยิ่งขึ้นเมื่อพระองค์มีพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นมา ป้าปรางบอกว่า เมื่อโรงเรียนสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2519 อายุราว 13-14 ปี แต่แม่ก็พาไปฝากให้เรียนในชั้น ป.1 เป็นชาวอูรักลาโว้ยที่เป็นนักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียนแหลมตงแห่งนั้น

 

“วันนี้ เห็นสภาพรอบโรงเรียนเปลี่ยนไปแล้วใจหาย โรงเรียนถูกบีบจากโรงแรมและรีสอร์ตรอบๆ เดิมทีมีที่อยู่ 4 ไร่ เหลือไม่ถึง 2 ไร่ แถมทุกๆ วันจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินเฉิดฉายไปมานอกรั้วโรงเรียนด้วยชุดบิกินี จนกลายเป็นความเคยชินของนักเรียนตัวน้อยไปเสียแล้ว” ป้าปรางกล่าว

 
ครู ในโรงเรียนบอกว่า ขณะนี้โรงเรียนบ้านแหลมตงมีเด็กๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นลูกหลานของชาวเล ทั้งมอแกน อูรักลาโว้ย และชาวมุสลิม เรียนอยู่ที่นี่จำนวน 35 คน ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ป.6

 

“เด็กที่จบ ออกไปส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนต่อ พวกเขาก็ขับเรือ หรือช่วยพ่อแม่หาปลา เด็กผู้หญิงก็แต่งงาน หรือบางคนเรียน ม.1 ได้สักเทอม ก็ลาออกไปแต่งงาน ครูไปงานแต่งลูกศิษย์มาหลายคนแล้ว ส่วนสภาพโรงเรียนก็อย่างที่เห็น เมื่อก่อนกว้างกว่านี้ แต่เวลานี้ถูกกระชับพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ จนเหลือแค่นี้ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องรับสภาพไป” คุณครูคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

 

น.ส.นฤมล อรุโณทัย นักวิชาการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลค่อนข้างน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะกำลังถูกรุกรานจากวัฒนธรรมสมัยใหม่ จากการศึกษาพบว่าปัจจุบันมีชุมชนชาวเล 41 ชุมชน กระจายในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา สตูล ตรัง และกระบี่ ประชากรประมาณ 12,000 คน

 

“กลุ่ม ชาติพันธุ์ชาวเลมีปัญหาเหมือนกับชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย คือ ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาสมัยใหม่ที่ไม่สมดุล ส่งผลกระทบต่อชนกลุ่มน้อย สำหรับชาวเลมีผลกระทบมาจากการพัฒนาพื้นที่อันดามันเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ระดับโลก และการประกาศเขตอุทยานทางทะเลและอื่นๆ ของรัฐ ที่ขัดกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมคนกลุ่มนี้ ทั้งความต้องการในการใช้ที่ดินเพื่อการท่องเที่ยวทำให้ชาวเลถูกขับออกจากที่ อยู่อาศัย รวมทั้งการใช้พื้นที่ทางทะเลสำหรับบริการนักท่องเที่ยวหรือการประกาศเขตหวง ห้ามของรัฐที่มีมาทีหลัง ทำให้ชาวเลไม่มีสิทธิเข้าไปหากินในที่ทำกินดั้งเดิมที่เคยหากินมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ เป็นกลุ่มเปราะบางที่สังคมต้องปกป้องเพื่อรักษาความหลากหลายทางวัฒนธรรม รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลคนกลุ่มนี้โดยด่วน เพราะเป็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นคนไทยที่กำลังจะถูกสังคมลืม” น.ส.นฤมลกล่าว

 

 

มติชนรายวัน 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

 

 

 

.


On Key

Related Posts

เหยื่อ 20 ชาติ 261 คนพ้นขุมนรก กะเหรี่ยง DKBA ส่งตัวให้ไทย ญาติสุดปลื้มขอบคุณประเทศไทย แต่อีกนับหมื่นยังถูกกักขัง ผบ.ราชมนู ชี้เป็นผลจากมาตรการ 3 ตัดบริษัทเล็กย้ายหนี-บริษัทใหญ่ลดระดับลง 50%

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าข้าม 28Read More →

ผู้นำกะเหรี่ยง DKBA แจงไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนมีเหยื่อต่างชาติถูกบังคับเป็นสแกมเมอร์ระบุพร้อมทำตามความต้องการของรัฐบาลไทย ประสาน“กัณวีร์”ช่วยเหยื่อต่างชาติอีกนับร้อย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้นำกองกำลังกะเหรีRead More →

ชาวบ้านริมโขงโวย เวทีรับฟังเขื่อนสานะคามกีดกันผู้ได้รับผลกระทบ จวก สทนช.ไม่เปิดโอกาสแสดงความเห็นตรงไปตรงมา “หาญณรงค์”จี้หยุดสร้างเขื่อน-สร้างภาระให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สวนอาหารบ่อปลา วRead More →