
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 คณะกรรมการประชาชนคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล (คปน.)ภาคอีสาน ได้ประชุมเพื่อหารือถึงสถานการณ์โรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีแผนจะดำเนินการในพื้นที่ภาคอีสานกว่า 29 โรงงาน และบางโรงงานก็ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งทาง (คปน.)ภาคอีสาน ชี้ว่าต้นเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาคอีสาน เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการควบคุม และในกระบวนการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการศึกษา PM 2.5 ทั้งที่หลายหน่วยงานก็รับรู้ว่าโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นต้นเหตุของการปล่อยควันและฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด
นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ที่ปรึกษาคปน.อีสานกล่าวว่า กรณี PM 2.5 จากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เป็นที่สรุปอย่างชัดเจนแล้วว่าอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เป็นต้นเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีที่มาจากกระบวนการผลิตจาก 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้ 1.จากส่วนโรงงาน ซึ่งเกิดขึ้นในกระบวนการแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล 2.จากกระบวนการเก็บเกี่ยวอ้อย โดยการเผาอ้อย ซึ่งทั้ง 2 ส่วนข้างต้นเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทั้งในประเทศไทย และในประเทศเพื่อบ้าน เช่น ประเทศลาว ประเทศเขมร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มนายทุนจากประเทศไทยที่เดินทางเข้าไปลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้าน
นายสุวิทย์กล่าวว่า หากพิจารณาถึงต้นเหตุของปัญหาจากกระบวนการผลิตทั้ง 2 ส่วนข้างต้น รัฐบาลควรต้องมีการทบทวน ดังนี้ 1.รัฐบาลและคณะกรรมการดำเนินงานแก้ไขปัญหา PM 2.5 ภายใต้การควบคุมดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จะต้องเร่งให้มีมาตรการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยเฉพาะโรงงานแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาลที่ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว รวมถึงโรงงานที่อยู่ระหว่างกระบวนการก่อสร้าง 2.มาตรการสำหรับโรงงานแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล ที่อยู่ในกระบวนการจัดทำ EIA โดยต้องเปิดกว้างให้กระบวนการพิจารณาเกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง 3.สำหรับโรงงานที่เปิดแล้วให้ยุติกระบวนการผลิตจนกว่าจะมีการศึกษาเรื่องผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 จากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลจนแล้วเสร็จ
ด้านนายสิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสาน คปน. ภาคอีสาน กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาล คสช. เข้าบริหารประเทศ 17 สิงหาคม 2558 กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการให้ตั้งหรือขยายโรงงานน้ำตาลในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยนิยามจากเดิมคำว่า “ตั้งโรงงานน้ำตาล” หมายความว่า ตั้งโรงงานน้ำตาลขึ้นใหม่เท่านั้น แต่ประกาศกระทรวงในครั้งนี้ให้หมายความรวมถึง “การขยายโรงงาน” และ “การย้ายโรงงานน้ำตาล” ไปตั้งยังพื้นที่อื่นได้ด้วย เป็นการปลดล็อคให้ผู้ประกอบการสามารถขออนุญาตตั้งโรงงานน้ำตาลใหม่ และขอขยายหรือย้ายโรงงานน้ำตาลไปยังพื้นที่อื่นโดยมีระยะห่างระหว่างโรงงานเดิมกับโรงงานใหม่ไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร ดังนั้นการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศในครั้งนีจะทำให้ภาคอีสานมีนิคมอุตสาหกรรมชีวภาพ หรือศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพ มีกลุ่มโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานซึ่งเกิดจากอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายประเภทภายในพื้นที่เดียวกันในพื้นที่ 13 จังหวัดของภาคอีสาน นับเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่จากนโยบายรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นที่และสภาพแวดล้อมอย่างกว้างขวาง สิ่งสำคัญควรต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ก่อน ไม่ใช่แค่การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นรายโครงการเหมือนที่ผ่านมา
“เราไม่เห็นด้วยของกระบวนการจัดทำ EIA ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการพิจารณาในประเด็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 เลย ทั้งๆที่หลายหน่วยงานก็รับรู้มาตลอดแต่ยังปล่อยให้เกิดปัญหาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผมมองว่ารัฐบาลควรต้องสั่งปิดโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมลที่ปล่อยฝุ่น PM 2.5” นายสิริศักดิ์ กล่าว