Search

ชุมชนกะเหรี่ยง “ดอยช้างป่าแป๋” กับการสถาปนาเขตวัฒนธรรมพิเศษ

ชุมชนดอยช้างป่าแป๋ (ต่าหลู่เก่อชอ) เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งมายาวนานไม่ต่ำกว่า 219 ปีมาแล้ว จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าหลายคนระบุว่า ชุมชนน่าจะก่อตั้งมาพร้อมกับเมืองหริภุญชัย (ลำพูนในปัจจุบัน) 

ในอดีตชุมชนดอยช้างป่าแป๋ไม่ได้ตั้งในบริเวณที่อยู่ปัจจุบัน แต่อยู่บริเวณใกล้เคียงนี้หลายจุด โดยกะเหรี่ยงเรียกกันว่า “เดลอ” ตามตำนานเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งมีปราชญ์นามว่า “พือพากานา” ได้เดินสำรวจหาสถานที่จัดตั้งหมู่บ้าน เขาได้เดินขึ้นไปบนดอยช้างแล้วมองไปรอบๆ ทิศ แต่ละที่ที่กวาดสายตามองเห็นเต็มไปด้วยก้อนหินและหน้าผาสูง มีเพียงสถานที่บริเวณขุนห้วยนามว่า “แม่สิคี” เท่านั้นที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย การก่อตั้งชุมชนจึงเกิดขึ้นในบริเวณนั้น

ชุมชนอยู่อาศัยระยะหนึ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาด หญิงตั้งครรภ์กลับคลอดลูกยาก ขณะที่เด็กทารกเกิดใหม่เสียชีวิตไปหลายคน ชุมชนจึงเชื่อว่าเจ้าป่าเจ้าเขา “ก่อฉู่” หรือเจ้าที่แรง ซึ่งตามความเชื่อของปราชญ์และผู้เฒ่า หากเกิดเหตุการณ์เหนือการจัดการดูแลของผู้นำในชุมชนจะต้องมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ผู้คนได้อยู่อย่างสงบสุข จึงทำให้ผู้นำตัดสินใจย้ายหมู่บ้านใหม่ไปไม่ไกลจากที่เดิมนัก คือบริเวณ “หย่าลิเด” 

ชาวบ้านปักหลักอยู่อาศัยในบริเวณหย่าลิเดระยะหนึ่งได้พบกับพระพุทธรูปสีเขียวมรกตใกล้ๆ หมู่บ้านซึ่งเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นกุฏิเดิมของพระ ต่อมาเกิดเหตุการณ์เด็กเสียชีวิตอีก บ้างก็ร้องไห้จนเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการมาแย่งที่อยู่ของพระเก่า จึงย้ายหมู่บ้านไปอยู่แห่งใหม่ชื่อว่า “แดลอปู” ก่อนย้ายชุมชนอีกครั้งไปที่ “เชอโกล๊ะ” ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่มาถึงปัจจุบัน 

บ้านเชอโกล๊ะ ปัจจุบันเรียกว่า “ป่าแป๋” คนทั่วไปรู้จักชุมชนนี้ในนาม “ดอยจ้ะโข่” ที่แปลว่า ดอยหรือภูเขาของช้าง

ในการก่อตั้งหมู่บ้านนั้น ชาวกะเหรี่ยงมีความเชื่อในการตั้งศาลเจ้าที่ เพื่อให้ปกปักรักษาหมู่บ้านไว้ 3 จุด มีปราชญ์ผู้ประกอบพิธีกรรมตั้งศาลคนแรกชื่อ “พาดิดะ” ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นผู้ปกครองคนแรกในการดูแลจัดการหมู่บ้านแห่งนี้ โดยขณะนั้นมีประมาณ 20 หลังคาเรือน เมื่อเสียชีวิตได้มีน้องชายร่วมสายโลหิตสืบทอดการปกครองชื่อว่า “บุญเป็ง” ยาวนานกว่า 20 ปี ทำหน้าที่ทั้งการปกครองให้ชุมชนมีความสงบสุข และผู้นำทางจารีตประเพณี  ผู้นำทางพิธีกรรมความเชื่อ 

หลังจากนั้นได้มีผู้ปกครองต่อมาเรื่อยๆจนกระทั่งมีการแยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน และมีผู้นำชุมชนหรือผู้ปกครองเพิ่มขึ้นอีก 2 คนด้วยกัน 

หมู่บ้านบ้านดอยช้างป่าแป๋ปัจจุบันมีการปกครองแบบผู้นำธรรมชาติควบคู่กับการปกครองแบบ “ผู้ใหญ่บ้าน” โดยมีการติดต่อประสานกับหน่วยงานราชการมากขึ้น 

 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 ชุมชนได้ทำประชาคมหมู่บ้าน และมีมติให้เปลี่ยนชื่อชุมชนเป็น “ดอยช้างป่าแป๋ (ต่าหลู่เก่อชอ)” สำหรับการจัดงานสถาปนาพื้นที่เขตวัฒนธรรมพิเศษ และจะดำเนินการเปลี่ยนเป็นชื่อทางการของชุมชนต่อไป

ชาวบ้านดอยช้างป่าแป๋ เป็นชาติพันธุ์ปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยงสะกอ ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายและกฎหมายการจัดการทรัพยากรของรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2507 หลังจากมีพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ชุมชนดอยช้างป่าแป๋ถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านโฮ่งทับโดยไม่มีการกันพื้นที่ชุมชนออกให้ 

ในปี 2538 ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดำเนินการสำรวจพื้นที่การทำไร่หมุนเวียนของชาวบ้าน ซึ่งมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ด้วย อันเกิดจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาการทำเกษตรกรรมยั่งยืนโดยใช้วิธี “ลิดไม้กิ่ง หรือ ตัดกิ่งเล็กกิ่งน้อยออก” เพื่อรักษาต้นตอไม้ให้คงอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามภาพถ่ายทางอากาศพบการลิดกิ่งไม้จึงได้กล่าวหาชาวบ้านว่าเป็นผู้บุกรุกป่า และแนะนำให้ตัดต้นไม้ที่ลิดกิ่งออกเพื่อให้เป็นพื้นที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร

หลังจากที่ชาวบ้านได้ตัดต้นไม้ลิดกิ่งออก เจ้าหน้าที่ทางภาคพื้นดินก็มาสำรวจอีกครั้ง แล้วพบเห็นตอไม้ขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านตัดออกแล้ว กลับกล่าวหาชาวบ้านว่า บุกรุกพื้นที่และตัดไม้ทำลายป่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านหวาดระแวงในการทำไร่หมุนเวียน ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาตรวจสอบรังวัดแนวเขตและแจ้งชาวบ้านว่า พื้นที่ทำกินดังกล่าวตอนนี้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งมีพื้นที่ชุมชนบ้านดอยช้างป่าแป๋ ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เป็นพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าป่าบ้านโฮ่งด้วย 

หลังจากที่มีนโยบายของรัฐบาลทวงคืนผืนป่าในปี 2557 ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการทวงคืนพื้นที่ทำกินของ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 นายชาญชัย กุละ ผู้ใหญ่บ้านดอยช้างป่าแป๋ (ต่าหลู่เก่อชอ) ได้รับการประสานงานจากนายกเทศมนตรีตำบลบ้านตาล อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ห้ามชาวบ้านดอยช้างป่าแป๋ดำเนินการทำไร่หมุนเวียน โดยเทศบาลบ้านตาลจะยึดคืนพื้นที่แล้วนำต้นไม้ไปปลูกแทน หากชาวบ้านทำกิจกรรมใดๆจะดำเนินการจับกุม หรือไม่ให้ทำกินทั้งหมดในอาณาเขตบริเวณฝั่งเทศบาล 

คณะกรรมการหมู่บ้านได้ประชุมหารือกันเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยสรุปว่า ชุมชนทำกินมานานแล้ว ถือเป็นพื้นที่จิตวิญญาณดั้งเดิม ในการกันพื้นที่ออกของเทศบาล ได้ยึดตามแผนที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าป่าบ้านโฮ่ง แต่ไม่ผ่านประชาวิจารณ์จากชุมชน ทางชุมชนจะทำหนังสือเรียนไปถึงนายก อบต. ป่าพลู ซึ่งเป็นเขตปกครองในพื้นที่ ดำเนินการรังวัดพื้นที่ใหม่หรือหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหา

หลังจากประสบปัญหาด้านที่ดินและทรัพยากรอันเนื่องมาจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ชุมชนได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหา จากเดิมดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อพื้นที่ชุมชนถูกประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าป่าบ้านโฮ่งเมื่อปี 2559 จนเกิดเหตุการณ์ยึดไร่หมุนเวียน ชุมชนเล็งเห็นว่าการขับเคลื่อนเพียงในชุมชนด้วยกันเองอาจไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ในฐานะสมาชิกของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา

ข้อเสนอของชุมชนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.ขอให้เพิกถอนเขตห้ามล่าสัตว์ป่าป่าบ้านโฮ่งออกจากพื้นที่ 21,023 ไร่ที่เป็นขอบเขตชุมชน ให้เหลือเป็นสถานะป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านโฮ่ง แล้วให้สิทธิชุมชนในการจัดการในรูปแบบป่าชุมชนหรือป่าจิตวิญญาณ 2.เนื่องจากชุมชนดอยช้างป่าแป๋เป็กะเหรี่ยงดั้งเดิมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอยู่ในอาศัยและดำรงวิถีชีวิตในพื้นที่มาก่อนการประกาศเป็นเขตป่าของรัฐ ชุมชนจึงยืนยันให้ใช้มติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง  ให้มีผลในการฟื้นฟูและคุ้มครองอย่างเป็นรูปธรรม 3.ชุมชนไม่ยอมรับมติ ครม. 26 พฤศจิกายน 2561 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จึงขอให้มีการทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชุมชนของชาวกะเหรี่ยงด้วย หากยังไม่มีการทบทวนและปรับปรุงแก้ไข ชุมชนจะไม่ขอเข้าร่วมกระบวนการแก้ไขปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

—————

หมายเหตุ- วันที่ 27-28 มีนาคม 2563 ชาวบ้านดอยช้างป่าแป๋และเครือข่าย ร่วมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรร่วมกันจัดงานสถาปนาพื้นที่เขตวัฒนธรรมพิเศษบ้านดอยช้างป่าแป๋ (ต่าหลู่เก่อชอ) โดยมีผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วม

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเฟซบุ๊ก Deepunu DeporBand 
On Key

Related Posts

ช้างยังป่วยหลังลงเล่นน้ำกก-แพ้เป็นผื่นมีตุ่มกลายเป็นแผล ผจก.ปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรเผยนักท่องเที่ยวหาย 80% ศิลปินแต่งเพลงรณรงค์หยุดสารพิษ พบรายวันปลาแข้เป็นโรค-เร่งส่งตรวจ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ปางช้างกะเหรี่ยงรวมRead More →

ภาพถ่ายทางอากาศ“จิสดา”พบเปิดหน้าดินขนาดใหญ่กว่า 40 จุดที่ต้นแม่น้ำกก-น้ำสายใช้เวลาแค่ 2 ปีรุกป่าเหี้ยน ประธาน กมธ.ที่ดินจี้ใช้กลไกทางทหารเร่งหารือ-กต.ทำหนังสือประท้วงพม่าแล้ว

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ดร.พูนศักดิ์ จันทร์จำปRead More →

พบปลาป่วยในแม่น้ำโขงอีกเป็นตุ่มแดงตามครีบ-ปาก “ครูตี๋”เชื่อติดเชื้อจากลำน้ำสาขา กก-สาย-รวก ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ชาวประมงเผยไม่เคยเห็นอาการนี้มาก่อน ผู้เชี่ยวชาญแนะหาสาเหตุทำให้ปลาอ่อนแอ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นายปุ๊ คนจับปลาท่าหาดไRead More →

SHRF แฉพบเหมืองแร่หายากต้นแม่น้ำกก -เปิดหน้าดินวงกว้าง-เผยใช้สารเคมีรุนแรงเทละลายหินบนภูเขา เชื่อเป็นสาเหตุสารพิษในแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย นอกจากเหมืองทอง

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใRead More →