
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)หรือพีมูฟ ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านการนำที่ดินของสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนอุตสาหกรรม โดยระบุว่ากรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามในประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เรื่องรายการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกันกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯกำหนดตามมาตรา 30 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน (ฉบับที่7) พ.ศ.2532 ตามที่ คปก.เสนอให้ปรับปรุงระเบียบปฏิบัติ โดยกิจการตามที่ประกาศเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจ นายทุน หรือบุคคลอื่นใดที่มิใช่เกษตรกร มีสิทธิใช้ประโยชน์ และกำหนดทิศทางการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของ ส.ป.ก. ได้แก่

1.กิจการที่เป็นการสนับสนุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เช่น ที่ทำการของเอกชน ต่าง ๆตามโครงการความร่วมมือระหว่าง สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ภาคเอกชนและเกษตรกร ซึ่งเป็นการวางแนวทาง เตรียมพื้นฐานให้ ส.ป.ก. ดำเนินนโยบายส่งเสริมระบบเกษตรพันธสัญญา ซึ่งกลุ่มนายทุนคือผู้กำหนดชะตากรรมของเกษตรกร เกษตรกรเป็นเพียงผู้ใช้แรงงานในที่ดินที่รัฐมอบให้

2. กิจการที่เป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมและปัจจัยการผลิต เช่น โรงงานผลิตปุ๋ยเคมี 3.กิจการจำหน่ายรถยนต์และเครื่องกลทางการเกษตร เช่น ร้านจำหน่ายรถแทรกเตอร์ 4.กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งใช้ผลผลิตทางการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นหลัก เช่น โรงงานน้ำตาล โรงงานผลไม้กระป๋อง โรงงานน้ำมันพืช-ปาล์ม/ทานตะวัน โรงงานหรือสถานที่สำหรับแปรรูปไม้ ในแถลงการณ์ระบุว่า ในทรรศนะและจุดยืนของพีมูฟคือ 1.ประกาศ คปก. ฉบับนี้ ขัดต่อเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งได้มาจากการต่อสู้เรียกร้องของสหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย ที่ได้เสียสละชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อให้มีการปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินให้กับพี่น้องเกษตรกร สร้างความเป็นธรรมในสังคม
2.การแก้ไขกฎหมาย หรือการประกาศข้อกำหนดใด ๆ ของ ส.ป.ก. ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินในเขตพื้นที่ของ ส.ป.ก. ต้องดำเนินการเพื่อเป็นการสร้างโอกาส หรือขยายโอกาสให้กับเกษตรกร ในการพัฒนาเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น หากเป็นการแก้ไขกฎหมาย หรือการประกาศข้อกำหนดใด ๆ ซึ่งมีผลเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ หรืออาจจะส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของเกษตรกร ต้องดำเนินการผ่านกระบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา และหรือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนโดยทั่วถึง

3.ขปส. คัดค้านการออกประกาศของ ส.ป.ก. ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล, อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน, และ การวางแนวทางสำหรับระบบเกษตรพันธสัญญา ที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ของ ส.ป.ก.ในการสร้างฐานการผลิตของตนเอง โดยอาศัยแรงงานเกษตรกรราคาถูกทำการผลิตวัตถุดิบ ให้กับโรงงานของนายทุนทั้งหลาย
4.ขปส. เรียกร้องให้รัฐบาล และ ส.ป.ก. สนับสนุนการผลิตและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยวิสาหกิจชุมชนของเกษตรกร หรือ โดยสถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์การเกษตรฯ ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อวิถีชีวิต ไม่เป็นช่องทางในการแย่งชิงทรัพยากร ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ
5. ขปส. เรียกร้องให้รัฐบาล และ ส.ป.ก. เร่งออกประกาศกำหนดพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองเพื่อเกษตรกรรม
6. ขปส. ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจ การดำเนินโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐ ตลอดถึงการปรับเปลี่ยนผังเมือง ที่มีอิทธิพล และส่งผลกระทบต่อแนวทาง วัตถุประสงค์ ในการบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ดังนั้นหากจำเป็นต้องอนุญาตให้มีการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อทำกิจการนอกภาคเกษตร ต้องมีการพิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งต้องมีการจัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากชุมชนรอบข้างที่อาจได้รับผลกระทบ และ ต้องมีการกำหนดคุณสมบัติ ของผู้ที่ยื่นความจำนงค์ขออนุญาตต้องมิใช่นายทุน หรือกลุ่มทุน ทั้งต้อง กำหนดประเภทและกำลังการผลิตของกิจการนั้น ๆ ให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม หรือเป็นอัตรายต่อมนุษย์ และระบบนิเวศ และต้องเกิดประโยชน์โดยแท้จริงต่อพี่น้องเกษตรกรด้วย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเครือข่ายพีมูฟ และได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทเรื่องที่ดินระหว่างชาวบ้านและภาครัฐ