
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 องค์กรภาคประชาสังคมเมียนมา 60 องค์กรร่วมกันออกแถลงการณ์ต่อกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมาในประเทศไทย โดยระบุว่า โคโรนาไวรัส หรือโควิด-19เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้เป็นโรคระบาดในเดือนมีนาคม พ.ศ.2563 ตั้งแต่นั้นทุกประเทศทั่วโลกต่างก็มุ่งมั่นที่จะจัดการป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคนี้ แม้ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคนี้จะได้รับการพัฒนาขึ้นแล้ว แต่ความกังวลใจเรื่องความไม่แน่นอนในประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวจากสาเหตุการกลายพันธุ์ของไวรัสก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นทั่วโลกจึงมีความพยายามในการฟื้นฟูภาคส่วนต่าง ๆ ทางสังคม เพื่อสร้างภาวะวิถีปกติใหม่ในช่วงเวลานี้

แถลงการณ์ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิดในจังหวัดสมุทรสาครเมื่อไม่นานมานี้ ได้ทำให้แรงงานชาวเมียนมาถูกตำหนิติเตียนและถูกแบ่งแยกทางสังคม ปรากฏการณ์นี้ได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ดีพวกเราต้องขอกล่าวคำขอบคุณไปยังบรรดาบุคคล กลุ่ม องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งทำให้พวกเรามีกำลังใจ อย่างไรก็ตามการดำรงชีวิตอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดเช่นนี้ ความเมตตาและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานหลักมนุษยธรรม จะช่วยให้ผู้คนในทุกภาคส่วนของสังคมผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน

ในแถลงการณ์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลพม่ารีบดำเนินการทางการทูตอย่างเร่งด่วนเพื่อ สร้างความเข้าใจร่วมกันมิให้เกิดความเกลียดชังและความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ และจัดเตรียมความช่วยเหลือ ตลอดจนแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จำเป็นโดยเร็ว ขณะเดียวกันขอให้แรงงานชาวเมียนมาในประเทศไทยร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และขอให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลไทยประกาศ
“ขอความกรุณาให้ประชาชนไทยรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์และความช่วยเหลือกันระหว่างสองประเทศที่เคยมีต่อกันมาอย่างยาวนาน ดั่งน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ฉันท์กัลยาณมิตรเพื่อแสดงให้เห็นว่า สังคมของเราเป็นสังคมแห่งมนุษยธรรมและสติปัญญา ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ด้วยความรักและเคารพ พวกเราขอให้รัฐบาลไทยและประชาชนไทยได้ให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นแก่แรงงานข้ามชาติทุกชาติทุกคนด้วยหลักความเมตตาและมนุษยธรรม”แถลงการณ์ระบุ