
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – พม่า ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย -เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เวลา 13.00 – 13.50 น. ทหารเมียนมาฐานด๊ากวิน รัฐกะเหรี่ยง ได้ยิงเครื่องยิงลูกระเบิด (ไม่ทราบขนาด) จำนวน 16 นัด บริเวณรอบฐานปฏิบัติการ (ไม่ทราบการสูญเสีย) ปัจจุบันยังคงไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศในฝั่งประเทศพม่า เป็นระยะเวลา 13 วัน
“จากกรณีมีข่าวสารว่า ได้มีกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของทางการเมียนมา BGF ได้เดินทางเข้าพื้นที่ บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย และบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยทหารพิทักษ์ชายแดนของเมียนมาได้นั่งรถยนต์บรรทุกเพื่อเข้าไปในพื้นที่ รัฐกะเหรี่ยง เขตปกครองตนเอง กองกำลังกะเหรี่ยง KNU ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ และ บ้านท่าตาฝั่ง จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการสร้างกระแสของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มเพื่อหวังผลทางด้านจิตวิทยา ทำให้มวลชนไทยในพื้นที่เกิดความตื่นตระหนก ทั้งนี้ในพื้นที่ติดแนวแม่น้ำสาละวินของรัฐกะเหรี่ยงซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองพลน้อยที่ 5 (กองกำลังกะเหรี่ยง KNU) ในขณะนี้ทหารพม่าก็ยังไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวได้ การเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียนมา BGF โดยผ่านประเทศไทยจึงเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน พื้นที่ บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย และ บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง ไม่ต้องตื่นตระหนกต่อข่าวสารที่เกิดขึ้น เนื่องจากข่าวสารดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” เอกสารข่าวของศูนย์สั่งการชายแดนฯ ระบุ

ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ระบุว่าขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและทุกภาคส่วนในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้นจะสร้างความแตกตื่น และความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวประจำวันของศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ระบุด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน เป็นต้นมา ได้มีราษฎรชาวพม่าเดินทางข้ามมายังประเทศไทยโดยทางเรือ ซึ่งทางทหารได้จัดให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณห้วยอีนวล ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียงและพื้นที่ใกล้เคียง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ได้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่าอพยพเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มเติม เนื่องจากมีความหวั่นเกรง กรณีทหารเมียนมาเคลื่อนย้ายกำลัง จาก อ.บอลาเเคะ มายัง อ.ผาซอง รัฐคะยา ซึ่งอยู่บริเวณทิศเหนือของ บ.จอปราคี ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ห่างจากแนวชายแดนไทยประมาณ 30 กม. และการเคลื่อนย้ายกำลังของกองกำลัง BGF บริเวณ บ.เมี๊ยจีงู อ.แลงปอย จ.ผาอัน มายัง จ.ผาปูน รัฐคะฉิ่น สหภาพเมียนมา ทำให้ขณะนี้มีราษฎรชาวพม่าที่เดินทางข้ามมายังประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมาพักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 1,763 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณห้วยโกเกร๊ะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 1,058 คน และห้วยมะระ ต.แม่คง จำนวน 585 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ได้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวพม่าอพยพเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มเติมเนื่องจากหวั่นเกรงทหารพม่าเคลื่อนกำลังพลนั้น ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่าชาวบ้านกลุ่มนี้ได้อพยพเข้ามาพักพิงอยู่ริมแม่น้ำสาละวินฝั่งประเทศไทยตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ภายหลังจากที่กองทัพพม่าโจมตีชุมชนเดปูโหน่ด้วยเครื่องบินครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 27-28 มีนาคม โดยชาวบ้านได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าและเดินทางมายังแม่น้ำสาละวิน (ชมภาพและรายละเอียดข่าว https://transbordernews.in.th/home/?p=27054 ) แต่ทางการไทยไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้หนีภัยกลุ่มนี้ ทั้งๆ ที่หลบภัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน และกระทรวงการต่างประเทศประกาศว่าขณะนั้นเหลือผู้หนีภัยการสู้รบ 38 คน (https://transbordernews.in.th/home/?p=27080 )

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขจำนวนผู้หนีภัยการสู้รบตามความเป็นจริง อีกไม่กี่วันทางการไทยผลักดันชาวบ้านกลุ่มนี้กลับฝั่งรัฐกะเหรี่ยง โดยอ้างว่าสถานการณ์สู้รบสงบแล้ว ทั้งๆ ที่ขณะนั้นทหารพม่ายังคงใช้เครื่องบินรบโจมตีในบางพื้นที่ของทหารเคเอ็นยู แต่ในที่สุดชาวบ้านจำเป็นต้องข้ามฝั่งแม่น้ำสาละวินเมื่อวันที่ 22 เมษายน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้กลับไปยังหมู่บ้าน เนื่องจากยังรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงหลบอาศัยอยู่ตามป่า และบ้านญาติริมฝั่งสาละวิน จนกระทั้งทหารพม่าและทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้มีการปะทะกันครั้งใหญ่อีกเมื่อวันที่ 27 เมษายน กองทัพพม่าส่งเครื่องบินมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพข้ามมาพักพิงฝั่งไทยอีกครั้ง แต่ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ไม่ได้รายงานข้อมูลนี้ ทั้งๆ ที่มีชาวบ้านกำลังเผชิญความลำบากอยู่นับพันคน (อ่านข่าว https://transbordernews.in.th/home/?p=27505 ) จนกระทั่งล่าสุดเมื่อมีภาพและข่าวของชาวบ้านกลุ่มนี้เผยแพร่ออกมาทั้งทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ศูนย์สั่งการฯ จึงมีการแถลงว่า มีชาวบ้านอพยพกลับเข้ามาใหม่ทั้งๆ ที่ความจริงชาวบ้านนับพันคนกลุ่มนี้หนีการสู้รบมาหลบอยู่ริมแม่น้ำสาละวินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่ก่อนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่หนีภัยการสู้รบกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากชุมชนเดปูโหน่ และหมู่บ้านโดยรอบ เป็นกลุ่มที่ยังไม่กล้าที่จะกลับไปหมู่บ้านเนื่องจากเครื่องบินรบและโดรนของทหารพม่ายังคงบินลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือชาวบ้านกลุ่มนี้กำลังตกอยู่ในสภาพที่อดอยาก เนื่องจากถูกปิดกั้นการส่งข้าวสาร อาหาร ยา และสิ่งของบรรเทาทุกข์ เนื่องจากทางการไทยสั่งห้ามเข้า-ออกจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ และห้ามเรือวิ่งในแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสุด ขณะที่เส้นทางบกก็มีทหารตั้งด่านสกัดกั้นไว้แทบทุกเส้นทาง ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านที่หนีภัยจำนวนไม่น้อยกำลังเจ็บป่วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก นอกจากนี้ยังมีคนท้องและผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกอยู่ด้วย