แม้ต้องมายืนถือป้ายและตะโกน “ไม่เอา ไม่เอา”อยู่กลางแดด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาเลยในชีวิต เพราะตั้งแต่เป็นเด็กและเติบโตมาจนวัยใกล้ 60 ปี ทุกๆวันก็ได้แต่ขลุกอยู่ในสวนและพายเรืออยู่ในลำคลอง มีครั้งนี้แหละที่“ลุงทิน”ต้องมายืนเย้วๆ เพื่อปกป้องแม่น้ำแห่งชีวิต
ลุงทินและเพื่อนบ้านออกจากบ้านที่อำเภอดำเนินสะดวกตั้งแต่เช้ามืด เพื่อร่วมคัดค้านในเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการบริหารจัดการน้ำของกบอ. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งจัดขึ้นที่อำเภอจอมบึง โดยในส่วนของชาวราชบุรีจะได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างแม่น้ำสายใหม่หรือฟลัดเวย์สายตะวันตกที่ผันน้ำปิงจากจังหวัดแพงเพชรมาลงที่หัวเขื่อนแม่กลองในจังหวัดกาญจนบุรี และจะมีการขุดลอกแม่น้ำแม่กลองขนานใหญ่ให้ลึกขึ้นจากความจุ 960 ลบ.ม/วินาทีเป็น 1,910 ลบ.ม./วินาที หรือเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว
“แค่ทุกวันนี้ในหน้าน้ำหลากในเดือนสิงหา ตุลา เราก็ต้องสู่กับน้ำอยู่แล้ว แต่นั่นมันเป็นเรื่องปกติของน้ำขึ้นน้ำลงแถวนี้ มันก็เป็นของมันอย่างนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย พอน้ำมามากเราก็ช่วยกันสูบออก ทำคันดินให้สูง เพื่อน้ำจะได้ไม่ท่วมขังในสวน คนแถวบ้านเราปลูกพืชทั้งไม้ยืนต้น เช่น ชมพู่ ส้มโอ และผักต่างๆไว้ขายเลี้ยงชีพ หากน้ำท่วมนานเขาก็จะตายหมด” ลุงทินอธิบายชีวิตบ้านสวนของชาวดำเนินสะดวก ซึ่งพืชผักและผลไม้ส่วนใหญ่ก็ขายในตลาดดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเติบโตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย เป็นตัวสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของชุมชนลุ่มน้ำแม่กลอง ที่มากล้นด้วยพืชผักและผลไม้เต็มลำเรือ
“คิดดูซิ หากน้ำเพิ่มอีกเท่าตัว เราจะอยู่กันได้อย่างไร สวนไม่เหลือ ตลาดน้ำก็ไม่เหลือแน่ ที่ผ่านมารัฐบาลก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเราอยู่แล้ว น้ำมาเราก็ช่วยตัวเองกันเกือบทุกครั้ง ไม่ช่วยก็ไม่ควรมาซ้ำเติมกัน” ลุงทินมีน้ำเสียงโมโห ก่อนหน้านี้แกแค่ได้ยินข่าวเรื่องที่รัฐบาลจะสร้างแม่น้ำสายใหม่ ก็คิดว่าเป็นข่าวลือ แต่วันก่อนพอมีเวทีรับฟังความคิดเห็นของชาวแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ชาวบ้านเลยตกใจเพราะข่าวลือกลายเป็นข่าวจริง
“เรารู้กันเมื่อสองวันก่อน เพราะรัฐบาลหรือข้าราชการในท้องถิ่นไม่เคยให้ข้อมูลพวกเราเลย ยังดีที่ชาวแม่กลองมาเตือนเราน่ะ” สายน้ำแม่กลองเป็นเส้นเลือดใหญ่เชื่อมร้อยชาวบ้านลุ่มน้ำแม่กลองตั้งแต่เมืองกาญจน์ เมืองราชบุรี และสมุทรสงครามไว้ด้วยกัน วิถีชีวิตที่ผูกโยงกันไว้ด้วยแม่น้ำแม่กลอง ทำให้คนทั้ง 3 จังหวัดเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่ถ่ายทอดสารทุกข์สุขดิบกันอยู่ตลอดเวลา
การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของชาวแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน คนทั้งเมืองร่วมกันคัดค้านแม่น้ำสายใหม่และการขุดลอกแม่น้ำแม่กลอง กลายเป็นประชามติที่กบอ.จำเป็นต้องยอมรับและต้องปิดเวทีเร็วกว่ากำหนดและรีบเก็บข้าวของกลับทันที เช่นเดียวกับเวทีที่สถาบันราชภัฎหมู่บ้านจอมบึงที่ลุงทินและชาวราชบุรีไปร่วมคัดค้าน ท้ายที่สุดชาวบ้านนับหมื่นต่างมีมติ “ไม่เอา” แม่น้ำสายใหม่และการขุดลอกแม่กลอง ในที่สุดเวลา 11.50 น.ก็ต้องปิดเวทีเร็วกว่ากำหนด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส.และสว.ในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยาน
“น้ำขึ้นน้ำลงของที่นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ พวกเราอยู่กันได้ ปลูกผักทำสวน เอาไปขายก็พออยู่ได้ ไม่เดือดร้อน ทำไมถึงต้องเอาทุกข์ของคนอื่นมาให้เราอีก” ลุงทินนอนทนทุกข์มา 2 คืน ยังดีที่วันนี้เสียงของแกและชาวราชบุรีดังกลบเสียงของกบอ.ได้ ทำให้แกเบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจซะทีเดียว
หลังจากน้องสาวคนเล็กคือชาวแม่กลอง และพี่คนรองคือชาวราชบุรี แสดงฉันทามติ “ไม่เอาฟลัดเวย์”และการขุดลอกแม่น้ำแม่กลอง และสามารถทะลุทะลวงกบอ.จนหมดท่า ในวันที่ 29 พฤศจิกายน จะถึงคิว “พี่คนโต”คือชาวเมืองกาญจน์ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำไปเต็มๆ ที่ต้องร่วมกันแสดงประชามติ ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี
—————
ภาสกร จำลองราช