Search

สำรวจป่าสาละวิน-เย็นยะเยือกในป่าลึก ขบวนการลักลอบตัดไม้โจ๋งครึ่ม อิทธิพลเถื่อนเหนือกฎหมาย

1530581_246298492200129_1119906990_n

วันนี้ความหนาวเย็นแผ่เข้าปกคลุมทุกชีวิตในลุ่มน้ำสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกคราหนึ่ง สำหรับคนภายนอก ความหนาวของสาละวินคือเสน่ห์อันน่าทึ่ง ขณะที่ความหนาวของชาวบ้านลุ่มน้ำสาละวินคือความกลัวท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงที่รุกรานมาสู่ชุมชน ทั้งเรื่องการขบวนการลักลอบตัดไม้สัก และการรุกคืบของโครงการเขื่อนกั้นลำน้ำวสาละวิน ที่ดำเนินการโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อิเนตอร์เนชั่นแนล (กฝผ.อินเตอร์)

 

การต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าอันเต็มไปด้วยป่าสักมูลค่ามหาศาล ซึ่งเป็นข่าวขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับและข่าวออนไลน์ของสำนักข่าวต่างๆในช่วง 3-4 วันที่ ที่ต่างระบุในทำนองเดียวกันถึงการพบหลักฐานการตัดไม้สักในเขตป่าสงวน ริมแม่น้ำสาละวิน โดยชาวบ้านพยายามบอกผ่านไปยังภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และฝ่ายปกครอง เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตั้งด่านตรวจตราตามจุดต่างๆริมน้ำสาละวิน แต่กลไกรัฐดูเหมือนจะออกมาในรูปแบบเดิมๆ คือพยายามบิดเบือนและปกปิดข้อเท็จจริงในพื้นที่เพราะหวั่นเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อตัวเองเพราะประชาชนมอบอำนาจให้ดูแลป่าเขา แต่กลับปล่อยให้ขบวนการเถื่อนเข้าไปตัดไม้ได้อย่างเอิกเกริก

 

1507534_246301145533197_508493931_o

การไม่ยอมรับความจริง ถือได้ว่าเป็นความล้มเหลวของการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้น แต่ในยุคข้อมูลข่าวสารที่ทะลุทะลวงทุกซอกทุกมุมบนโลกใบนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะปกปิดผืนป่าด้วยฝ่ามือ

 

นักข่าวและชาวบ้าน ได้ร่วมกันสำรวจพื้นที่และถ่ายภาพตอไม้ รวมทั้งร่องรอยของการขนไม้สักในเขตป่าสงวนซึ่งพบเห็นได้ในหลายจุดเพื่อซึ่งเป็นการยืนยันสถานการณ์การลักลอบตัดไม้ครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันท่าทีกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯดีขึ้นตามลำดับ โดยส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจตราพื้นที่มากขึ้น แม้จะยังไม่ค่อยตรงเป้าสักเท่าไหร่

 

การสำรวจของนักข่าวและชาวบ้านเริ่มต้นที่บริเวณป่าใกล้ๆ บ้านแม่สามแลบ สิ่งที่พบเห็นท่ามกลางสายน้ำเชี่ยวกราก เย็นยะเยือก คือ จุดลำเลียงไม้เถื่อนสู่พม่าของขบวนการตัดไม้ ที่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยการตัดไม้และขนส่งไม้สักกันแบบโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตามแนวเส้นทางหลวง ห่างจากบ้านแม่สามแลบไม่ถึง 1 กิโลเมตรและเลียบแม่น้ำสาละวิน เราได้พบท่อนไม้สักยาวประมาณ 5 ศอก ถูกตัดวางไว้ ซึ่งดูจากร่องรอยแล้วคงตัดไม่เกิน 1 เดือน นอกจากนี้ยังพบตอไม้สักอายุราว 40 ปีอยู่ในบริเวณเดียวกัน

 

เมื่อเดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ พบรอยยางรถต์ที่เข้าขนส่งไม้สักและร่องรอยการชักลากไม้ลงแม่น้ำสาละวิน เพื่อล่องต่อไปยังปลายทาง แม้พื้นที่นี้จะเป็นเขตป่าสงวนที่ติดถนนสายหลักก็ตาม

 

“พวกลักลอบตัดไม้จะทำงานกันตอนกลางคืน ชาวบ้านได้ยินเสียงเลื่อย เสียงเครื่องตัด แต่ไม่มีใครกล้าออกไปดู เพราะต่างกลัวตายฟรี คิดเอาซิ ขนาดเจ้าหน้าที่ทางการมีอาวุธ มีอำนาจ ยังไม่สามารถรักษาป่าไว้ได้เลย แล้วชาวบ้านมือเปล่าอย่าเราจะเอาอะไรไปสู้ กับอิทธิพลพวกนี้ กลางคืนโดยเฉพาะหน้าน้ำขึ้น การขนส่งไม้จะมีมากกว่าปกติ เพราะการลอยแพซุงง่ายกว่า หน้าแล้ง แต่ปีนี้แปลกมากที่ไม้สักถูกโค่นลงช่วงหน้าแล้ง แถมมีรถยนต์เข้ามาเอาถึงที่ จากร่องรอยที่เห็นไม่น่าจะต้องใช้กำลังคนมาก เพราะการลากไม้ลงสาละวินนั้น ไม่ไกลมาก ปกติหน้าหนาวไม่ค่อยมีขบวนการตัดไม้ เพราะการขนส่งเน้นการใช้รถ มาปีนี้ทำไมถึงมีมากขึ้นก็ไม่รู้ ” ชาวบ้านรายหนึ่งบอกถึงสถานการณ์

 

จากเส้นทางแม่สามแลบ อ.สบเมย ไปสู่บ้านห้วยแห้ง ในพื้นที่ยังคงมีร่องรอยการขนส่งท่อนซุงขนาด 4-6 ศอกตลอดเส้นทาง เมื่อถึงห้วยแม่ปัว ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาที่ไหลลงสาละวิน เราพบว่ามีท่อนซุงยาวประมาณ 6 ศอก เกยอยู่ริมฝั่งห้วย ขณะที่ชาวบ้านอธิบายว่า เป็นการพักไม้เพื่อเตรียมส่งต่อภายในไม่เกิน 3 วัน ซึ่งไม้ท่อนลักษณะนี้มักถูกนำไปแปรรูป โดยแต่ละเดือนจะมีท่อนไม้วางพักไว้ริมน้ำอยู่เป็นประจำ แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่า ต้นตอการตัดอยู่ที่ใด ที่สำคัญคือปกติการขนซุงขนาดใหญ่จากห้วยเล็กๆ ไปยังแม่น้ำสาละวินทำได้ยาก ดังนั้นกรณีนี้คนรับจ้างอาจคิดว่าคุ้มค่าตัดเลยปล่อยทิ้งไว้

575436_652965831413372_721265323_n

เมื่อเรามองเข้าไปในป่าลึกๆ พบว่า กลุ่มลักลอบตัดไม้พยายามใช้รถบรรทุกเข้าไปขนไม้หลายครั้ง สังเกตได้จากรอยรถที่ยังปรากฎชัดเจน และเป็นไปได้ว่าการขนส่งเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนัก

 

“การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ มักทำกันเมื่อตอนเป็นข่าว แต่เมื่อข่าวเงียบ เจ้าหน้าที่ก็เงียบด้วย เป็นแบบนี้หลายครั้ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง” ชาวบ้านรายเดิมย้ำถึงความล้มเหลวในการดูแลเขตป่าไม้ ขณะที่ต้นสักขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ริมสาละวินไม่มากนัก บางต้นยังยืนตระหง่านอย่างสวยงาม บดบังตอไม้ที่เพิ่งถูกโค่นด้านใน

 

ระหว่างเส้นทางสำรวจป่าสัก เราพบว่ามีด่านตรวจตั้งอยู่บนถนนแม่สามแลบ –ห้วยแห้ง โดยชาวบ้านเล่าว่า เมื่อปีที่แล้ว ยังคงมีเจ้าหน้าที่ประจำการ แต่วันนี้กลับกลายเป็นด่านตรวจร้าง เหลือเพียงซากกองฟืน และร่องรอยการตั้งแคมป์ ของกลุ่มคนที่ไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด

 

“ก่อนหน้านู้น ตอนมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ ยังมีไม้สักในบริเวณนี้เยอะแยะ ต่อมาเมื่อชาวบ้านพบหลักฐานการตัดไม้ จึงรายงานไปยังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านถูกสั่งย้ายทันที และไม่ได้ส่งใครมาประจำการอีก ทำให้พื้นที่นี้ถูกลักลอบตัดไม้สักไปจำนวนมาก การลงโทษในลักษณะนี้อาจมีผลให้เจ้าหน้าที่เกรงกลัวที่จะรายงานความจริง ว่ามีการลักลอบตัดไม้ ทำให้ขบวนการค้าไม้เถื่อนได้ใจ เริ่มฮึกเหิมขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ถูกสั่งย้าย ชาวบ้านก็ต้องรับกับเคราะห์กรรมของสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ” ชาวบ้านให้ข้อมูลอันน่าสนใจ

 

ขณะเดียวกันแม้จะรู้ว่าสถานการณ์ในพื้นที่ไม่น่าไว้วางใจ แต่ผู้นำท้องถิ่นประจำตำบลแม่สามแลบ ได้ก็ยังรวบรวมชาวบ้านกลุ่มจิตอาสา เพื่อร่วมกันเป็นหูเป็นตาและรายงานสถานการณ์ป่าไม้ในบางครา โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมาผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านร่วมกันตรวจสถานการณ์ในพื้นที่ป่าสงวนริมห้วยแม่ปัว พบว่าซุงขนาด 6 ศอก ที่ถูกโค่นลงแล้วคาไว้ริมน้ำแม่ปัว จึงให้ชาวบ้านนำท่อนซุงไปใช้ประโยชน์สาธารณะ ในหมู่บ้าน เช่น สร้างวัด สร้างรั้ว สร้างอาคารสาธารณะประโยชน์ โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ป่าไม้

 

 

tteak

ต่อมาชาวบ้านพบว่าสถานการณ์การตัดไม้ในเขตป่าสงวนรุนแรงขึ้น เมื่อปริมาณท่อนซุงมีจำนวนมากขึ้น จนไม่สามารถเข้าไปเก็บของกลางได้ทั้งหมด และชาวบ้านบางคนเองก็ไม่มีกล้องถ่ายภาพ หรือการบันทึกข้อมูลใดๆที่ใช้เป็นหลักฐานได้ เมื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ จึงทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างชักช้า จนหลักฐานที่พบหายไปในที่สุด

 

“ในฐานะคนลุ่มน้ำสาละวิน เราไม่ขอให้ใครเชื่อทั้งหมด เราแค่ทำหน้าที่ของเราเท่านั้น แม้เราไม่ได้ใช้ประโยชน์มากมายจากต้นสัก แต่พวกเราในฐานะคนดอย อยู่กับป่า ต้องรักษาป่าไว้ ทุกๆ ปีพวกเราช่วยกันบวชป่า เคารพป่าและอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เพราะเราพึ่งพาป่ามานาน” ผู้นำท้องถิ่นแม่สามแลบ อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องออกมาปกป้องผืนป่า ซึ่งภายหลังข่าวขบวนการค้าไม้ถูกตีแผ่สู่สาธารณะมากขึ้น ได้มีสัญญาณจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชัดเจนขึ้น เห็นได้จากการที่กำลังเจ้าหน้าที่หลายคันรถได้เข้าไปตรวจตราตามเส้นทางแม่สะเรียงจนถึงแม่สามแลบมากขึ้น

 

“ทุกวันนี้พวกเราได้แต่นั่งปรับทุกข์กัน เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน ป่าไม้ที่เคยเขียวขจี คงต้องหมดไป แถมตอนนี้ยังมีแผนการที่จะสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำสาละวินบริเวณชายแดนไทย-พม่าที่อีก เท่ากับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก ที่ผ่านมาพวกเราถูกมองภาพลบว่าทำลายป่าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าวันใดไม้สักหมดป่า พวกเราจะถูกมองว่าทำลายอะไรอีกบ้าง” เสียงตัดพ้อของชาวบ้านลุ่มน้ำสาละวิน

 

ลมหนาวริมแม่น้ำสาละวินปีนี้เย็นเฉียบกว่าปีก่อนๆนัก ชาวบ้านย่านนี้ต่างยะเยือกไปถึงข้างใน

//////////////////////////

 

 

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →