
สำนักข่าวไทใหญ่ SHAN รายงานเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ว่า กองทัพพม่าได้ใช้อาวุธหนักโจมตีในหมู่บ้านน่ำเน่ง อำเภอป๋างลอง จังหวัดตองจี ทางใต้ของรัฐฉานอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีเหตุปะทะกันกับกองทัพคะเรนนี KNDF นอกจากนี้ทหารพม่าได้ฆ่าสังหารโหดหมู่ชาวบ้านที่เป็นผู้ลี้ภัยและมาอาศัยอยู่ในพื้นที่เสียชีวิตกว่า 30 ราย และยังมีพระสงฆ์ถูกฆ่าด้วย 3 รูป โดยมีสภาพศพของชาวบ้านนอนเสียชีวิตกระจัดกระจาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้เดินทางเข้ามาในหม่บ้านน่ำเน่ง เมื่อเวลา 16.00 น.และได้เดินทางไปยังวัดในพื้นที่ และพบเห็นชาวบ้านที่เป็นผู้ลี้ภัยสงครามมาหลบซ่อนอาศัยอยู่ที่วัด ทหารพม่าจึงได้ลงมือฆ่าโหดสังหารหมู่ชาวบ้านทั้งหมด รวมทั้งพระสงฆ์อีก 3 รูป
ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ที่วัด เป็นชาวบ้านบางส่วนของหมู่บ้านน้ำเน่ง ที่ลี้ภัยสงครามระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพ KNDF โดยชาวบ้านที่ถูกสังหารนั้นถูกทหารพม่าสั่งให้เข้าแถวหันหลังให้ทหารพม่า ก่อนที่ทหารพม่าจะยิงสังหารจากด้านหลัง นอกจากนี้ มีการเปิดเผยว่า บริเวณประตูวัดซึ่งอยู่ใกล้กับศพชาวบ้านที่เสียชีวิตนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของกระสุนปืน
นอกจากฆ่าสังหารโหดชาวบ้านแล้ว ทหารพม่ายังใช้อาวุธหนักโจมตีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายกว่า 150 หลังคาคา ขณะที่จำนวนประชากรในหมู่บ้านน้ำเน่งมีอยู่ราว 300 หลังคาเรือน ขณะนี้ได้รับความเสียหายมากกว่าครึ่ง โดยหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนรัฐฉานและรัฐคะเรนนี จึงทำให้มีชาวบ้านที่เป็นชาวปะโอ ไทใหญ่ และชาวคะเรนนี อาศัยอยู่ร่วมกัน
ทางด้านจายหอแสง โฆษกของมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) เปิดเผยว่า การก่อเหตุสังหารโหดชาวบ้านในครั้งนี้ของทหารพม่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเป็นพฤติกรรมที่ก่ออาชญากรรมสงคราม และนับตั้งแต่กองทัพพม่าทำการรัฐประหารประเทศ มีแต่ส่งผลให้ประชาชนต้องเจอแต่ความเดือดร้อนและทุกข์ยากลำบาก ชาวบ้านต้องมาตกเป็นเหยื่อของสงคราม ยิ่งเป็นสิ่งที่ทางกลุ่มต่อต้านมาตลอด ดังนั้นอยากให้สงครามยุติโดยเร็ว