สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

Search

ข้อเสนอทางนโยบายการจัดระบบการศึกษาแก่เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 

นายสมพงค์  สระแก้ว 
มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN)

กลุ่มประชากรข้ามชาติ รวมถึงเด็ก เยาวชน คนในวัยแรงงาน ผู้สูงอายุ มีการอพยพย้ายถิ่นจากประเทศต้นทาง อาทิ  กัมพูชา เมียนมา  และลาว  มาเป็นจำนวนมาก  โดยร้อยละ  60-70  เป็นชาวเมียนมาและมีเด็กแรกเกิดที่เกิดเมืองไทยจำนวนหนึ่ง รวมถึงเป็นผู้ติดตามมาอีกจำนวนหนึ่ง  กลุ่มดังกล่าวสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้น้อย  เนื่องจากภาวะความขาดแคลน ยากจน ภัยพิบัติ  โรคระบาด อยู่ห่างไกลจากสถานศึกษา ขณะที่สถานศึกษาบางแห่งไม่ตอบสนองนโยบายการเปิดรับเด็กเข้าเรียนและมีทัศนคติเชิงลบต่อคนย้ายถิ่น  เช่นเดียวกับสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายรับเด็กเหล่านี้   โจทย์คือ  หากเราจะปลุกเร้า สร้างจินตนาการใหม่ให้กับหน่วยงานเหล่านี้ให้ปรับแนวความคิดใหม่และมีบทบาทเชิงรุกในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กข้ามชาติ  น่าจะเป็นโอกาสดีไม่น้อย

ส่วน กศน. (เดิม)  ปัจจุบัน คือ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ 3 รูปแบบคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิ  ยังมีบทบาทน้อยมากกับการยกระดับการศึกษาแก่กลุ่มเปราะบางที่เป็นเด็กข้ามชาติ   หากกรมส่งเสริมการเรียนรู้  ปรับยุทธศาสตร์การทำงานกับเด็กข้ามชาติตามกรอบวิสัยทัศน์และภารกิจที่ไม่เลือกปฏิบัติ   เชื่อมั่นว่าเด็กข้ามชาติจะมีพื้นที่เรียนรู้ในทุกๆ  ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้หรือมาประสานการทำงานร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม จะเป็นการดียิ่ง

สถานศึกษาในสังกัด  สพฐ. ไม่ได้มีบทบาทเชิงรุกเข้าถึงและเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนหนังสือตามพื้นที่ความรับผิดชอบ  สถานประกอบการ หรือองค์กรภาคธุรกิจเอกชน ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนดูแลส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กข้ามชาติน้อยมาก เพียงมีบางประเด็นที่ใส่ใจมากขึ้นคือ  การป้องกันการใช้แรงงานเด็กที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น  หาก  สพฐ.  ร่วมกับภาคธุรกิจ ทำบันทึกข้อตกลงในการสนับสนุนลูกหลานแรงงานข้ามชาติที่ทำงานในบริษัทตนเองเข้าเรียนในโรงเรียน  จะส่งผลดียิ่งต่อตัวชี้วัดโอกาสทางการศึกษาของไทย

ในกรณีผลกระทบที่ได้รับจากการระบาดของโรคโควิด  19 ที่ผ่านมา  ส่งผลให้เด็กออกจากสถานศึกษาจำนวนมากจนบางแห่งปิดดำเนินการ  แต่เมื่อโควิดจางหายไปได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง  ในช่วงหลังการเปิดภาคเรียนใหม่ของสถานศึกษาในระบบรัฐไทย  หากเป็นศูนย์การเรียนชาวเมียนมา อาศัยการเรียนการสอนผ่านหลักสูตรเมียนมาผสมภาษาไทย และเปิดการเชื่อมต่อกับประเทศต้นทาง  เมื่อเรียนจบในระดับหนึ่งสามารถไปเรียนต่อยังโรงเรียนของตนเองได้   แต่ตัวอย่างศูนย์การเรียนบางแห่งที่อำเภอแม่สอดและพบพระ  จังหวัดตาก   สพฐ. เพียงแค่ไปกำกับดูแลตรวจตรา นับจำนวนเท่านั้น  ไม่ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณใดๆ  ทำให้ส่วนใหญ่ของศูนย์การเรียนต่างๆ  ต้องพึ่งพาตนเองสูงที่สุด 

ส่วนผู้ดำเนินการจัดการศึกษา ส่วนใหญ่มิได้เป็นคนไทยหรือไม่มีวุฒิบัตรการศึกษาจบครูในประเทศไทย  และบางแห่งจบระดับปริญญาตรีหลักสูตรครูจากประเทศเมียนมาเข้ามาเป็นอาสาสมัครครูผู้สอน และครูอาสาสมัครชาวเมียนมา จดทะเบียนแรงงานไว้กับกระทรวงแรงงาน แต่โดยบทบาทต้องมาช่วยสอนหนังสือแก่เด็กนักเรียน    ในส่วนนี้หากรัฐบาลเห็นความสำคัญของกลไกครูผู้สอน  ต้องมีระบบอย่างใดอย่างหนึ่งมารับรองสถานะบุคคล   หรือให้มีการจดทะเบียนกลางเป็นผู้ประสานงานภาษาในสังกัดกระทรวงแรงงาน  หรือ  กระทรวงศึกษาขึ้นทะเบียนรับรอง  ซึ่งต้องคิดหาทางออกร่วมกัน

เด็กข้ามชาติที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาไทย  ต้องเรียนในพื้นที่ห่างไกล  กันดาร การที่ครอบครัวมีรายได้น้อย  ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ การขาดแคลนภาวะโภชนาการ  สุขอนามัยไม่ดี  เป็นต้น  หากเด็กข้ามชาติเข้าถึงภาวะโภชนาการที่ดี  องค์กรปกครองท้องถิ่นส่งเสริมสนับสนุนเสมือนกับศูนย์เด็กอนุบาลของ อบต.  หรือ หน่วยงานด้านสาธารณสุขเข้าไปสำรวจดูแลส่งเสริมและป้องกันโรคจะเป็นการดีมาก

จากประเด็นต่างๆ  ข้างต้น ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในห้วงของวัยผู้สูงอายุ  ขาดกำลังวัยแรงงานที่มีคุณภาพจำนวนมาก  ขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการจำนวนมาก เราจะสร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณค่าที่ไม่ใช่ประชากรไทย  แต่เป็นประชากรข้ามชาติที่เป็นกำลังแรงงานในอนาคตได้อย่างไร จะทำให้กลุ่มประชากรข้ามชาติที่เกิดขึ้นทุกวัน  เป็นบุคลากรที่มีคุณค่าทางสังคมและเป็นแรงงานที่มีคุณภาพสร้างผลผลิตแก่สถานประกอบการได้อย่างไร 

ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม

1.สถานศึกษาทุกรูปแบบ  หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานต้องมีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาแก่เด็กข้ามชาติให้ครอบคลุมทั่วถึงในพื้นที่ต่างๆ  ที่มีกลุ่มประชากรข้ามชาติพักอาศัยอยู่

2.ส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรภาคประชาสังคม  กลุ่มเครือข่ายทางสังคมแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย  กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ  จัดการศึกษาแก่เด็กข้ามชาติแบบยืดหยุ่นในหลายๆ  รูปแบบตามสถานการณ์ปัญหาและความต้องการของกลุ่มนั้นๆ  และมีการสนับสนุนงบประมาณร่วมด้วย

3.กระทรวงศึกษาผลักดันให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพฐ.) และศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ ภายใต้กรมส่งเสริมการเรียนรู้  หรือ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) (อังกฤษ: Department of Learning Encouragement : DOLE)  มีบทบาทใหม่ในการทำงานเชิงรุกและจัดการศึกษาแก่เด็กข้ามชาติ และพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคม  กลุ่มเครือข่ายทางสังคมแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย  กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ  จะส่งผลทำให้เห็นภาพในเชิงปริมาณและคุณภาพ

4.พัฒนาการจัดเก็บเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ BIG DATA เพื่อให้เห็นตัวเลขเพื่อนำมาจัดทำนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในฐานะที่เป็นองคาพยพหนึ่งของประเทศไทย

5.จัดทำเป้าหมายใหญ่ในเชิงยุทธศาสตร์  การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของกลุ่มประชากรอาเซียน มี Road Map ที่ชัดเจนให้กับผู้ให้การศึกษา หน่วยงาน สถาบันต่างๆ  และผู้เรียน เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของตนเองได้  อาทิ  เรียนจบปริญญาตรี แล้วประกอบอาชีพอะไรได้  สถานะทางกฎหมายเป็นคุณแก่ผู้เรียน  ได้รับการยอมรับในอาชีพการงาน  เป็นต้น

6.การพัฒนาระบบการศึกษาไทยและการศึกษาข้ามพรมแดน  อาทิ ไทย เมียนมา ไทย กัมพูชา ไทย ลาว  ให้สอดคล้องส่งต่อไปได้อย่างมีมาตรฐาน   เมื่อตนเองอยู่ที่ได้ย้ายไปที่ใดสามารถเรียนต่อในขั้นสูงต่อไปได้เลย

7.ปรับกฎระเบียบและหลักสูตรของศูนย์การเรียนให้ยืดหยุ่นและง่ายต่อการจดทะเบียนศูนย์การเรียน และให้ผู้ปกครองกลุ่มเปราะบางเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตรการศึกษาเรียนรู้

8.ให้ กองทุนเสมอภาคทางการศึกษามีส่วนกำหนดการจัดกระบวนการศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มประชากรข้ามชาติมากขึ้น และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุ้มครองเด็กข้ามชาติในประเทศไทย

9.การส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือระหว่างศูนย์ต่างๆ  ที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับเด็กข้ามชาติในประเทศไทยต่อกรณีที่เด็กไม่สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาในระบบโรงเรียนของรัฐได้ และรวมถึงโรงเรียนของรัฐบางแห่งเลือกปฏิบัติที่จะไม่รับเด็กข้ามชาติเข้าเรียนด้วยเงื่อนไขที่สร้างข้อจำกัดให้กับครอบครัวและผู้ปกครอง

10.จัดเวทีสาธารณะเพื่อหารูปธรรมการบริหารจัดการที่เอื้อต่อสภาพการณ์ปัญหาต่างๆ  ที่เกิดขึ้นโดยคำนึงถึงสถานการณ์ปัญหาในประเทศต้นทางที่บีบคั้นการเคลื่อนย้ายถิ่นของเด็กและเยาวชนข้ามชาติ  ในบางจังหวัดให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารจัดการตนเองโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐาน หลักความมั่นคงของมนุษย์มากกว่าความมั่นคงของรัฐ

On Key

Related Posts