เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2557 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้นำทีมสื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจพื้นที่แก่งกระจานเพื่อสำรวจพื้นที่แผ้วถางป่า และแถลงข่าวร่วมนายจตุพจน์ ปิยปุตระ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเพชรบุรี กรณีข้อขัดแย้งกับกะเหรี่ยงโป่งลึก –บางกลอย หลังถูกภาคสังคมวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่นายบิลลี่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากกรณีที่อุทยานแห่งชาติฯ ได้ย้ายหมู่บ้านบางกลอยจากจุดเดิมมาถึงที่ตั้งหมู่บ้านปัจจุบันนั้น อุทยานฯ ได้สร้างประโยชน์ให้หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งสร้างโรงเรียน สร้างระบบสาธารณูปโภค และสร้างสะพาน ซึ่งอำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้าน โดยมุ่งหวังให้ชาวบ้านหากินในพื้นที่และหยุดการทำลายป่าแผ้วถาง เพื่อปลูกข้าวและปลูกพืชผิดกฎหมาย (กัญชา) เพื่อรักษาป่าไม้ สัตว์ป่า และยืนยันเช่นเดิมว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายบิลลี่ อีกทั้งไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว จึงเชื่อว่าเป็นการจัดฉากเพราะมีเอ็นจีโอและกลุ่มกะเหรี่ยงบางรายไม่ชอบตนที่จับกุมการบุกรุกป่า ซึ่งได้ให้ชาวบ้านชี้ตัวไปนานแล้วกรณีผู้ที่ชี้นำแล้ว
“ผมคิดว่าทุกอย่างเป็นการจัดฉาก ชาวบ้านจริงๆ ที่ถูกบันทึกข้อมูลการอพยพมาจากบางกลอยเดิมนั้น มีแค่ประมาณ 1000 กว่าราย ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 300 ราย บางคนอพยพมาจากสวนผึ้ง ราชบุรี ไม่มุ่งหาที่ดินทำกิน ครอบครองที่ดินหลายส่วน บางคนบุกรุก ทำไร่ ปลูกพืช ทั้งที่การตกลงระหว่างชาวบ้านและอุทยานฯ คือ ต้องดำเนินการในการหยุดแผ้วถางและหันมาทำอาชีพเสริมที่ส่วนจังหวัดและอุทยานฯ พยายามจัดการให้ อย่างน้อยก็ได้ร่วมกันรักษาทรัพยากร” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ด้านนายจตุพจน์ กล่าวว่า ยืนยันว่าทางจังหวัดและอุทยานฯไม่มีข้อขัดแย้งกัน ชาวบ้านส่วนมากชื่นชอบโครงการที่ทางจังหวัดจัดสรรให้ โดยมีหลายโครงการที่พยายามพัฒนาชุมชน ทั้งระบบอาชีพ เช่น สนับสนุนการปลูกข้าวไร่ ในพื้นที่ที่อุทยานจัดสรรให้ อีกทั้งจัดทำระบบสูบน้ำเข้าไร่ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 30 ถังต่อไร่ อีกทั้งนำระบบไร่นาสวนผสมมาเสนอให้ชาวบ้านทำ ทั้งปลูกพืชผัก สวนครัว พร้อมอาชีพเสริม เช่น ทอผ้า ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ลดรายจ่ายประมาณครัวเรือนละ 10,000 บาท ซึ่งทางจังหวัดตั้งเป้าพัฒนาประมาณ 6 ปี เป็นการพัฒนาระบบคุณภาพชีวิตกะเหรี่ยงเพื่อให้ดีขึ้นและหยุดปัญหาการบุกรุกป่าหากภายในระยะเวลาดังกล่าวชาวบ้านทำไดดี เป้าหมายสูงสุด คือ การพัฒนาหมู่บ้านกะเหรี่ยงให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และสะท้อนวัฒนธรรมออกสู่สังคมภายนอกได้
ด้านนายปลุ๊ จี้โบ้ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบางกลอย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านบางกลอยมีพื้นที่ในการทำกินรวมประมาณ 350 ไร่ เพื่อการทำการเกษตรสำหรับ 103 ครัวเรือน แต่ยังไม่พอกิน ผลผลิตต่ำมาก เพราะระบบน้ำไม่เหมาะสม แม้จะอยากย้ายกลับไปที่เก่าก็ทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือที่ทำกินเพิ่มเติม และยืนยันว่าไม่เคยฆ่าสัตว์เพื่อหากำไรใดๆ เป็นการใช้ชีวิตตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้แม่บ้านในบางกลอยมีอาชีพเสริมด้านทอผ้าก็ตาม แต่การตลาดก็ไม่ได้กว้างพอให้ชาวบ้านอยู่ได้
“รายได้ทอผ้ามีประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน ส่วนข้าวบางปีได้ 2 กระสอบเท่านั้น การทำกินไม่เพียงพอ ไม่รู้ว่าอนาคตกะเหรี่ยงในหมู่บ้านอาจจะต้องเดินทางไปทำงานในเมืองมากขึ้น สิ่งเดียวที่ชาวบ้านร้องขอ คือขอพื้นที่ทำกินตามวิถีชีวิตเดิมเท่านั้น” นายปลุ๊ กล่าว
ล่าสุดวันนี้ เวลาประมาณ 15.30 นาฬิกา ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่ส่วนคำร้องกรณีนายบิลลี่หายตัวไป โดยศาลสั่งให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและนายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.6 (เขามะเร็ว) มาสอบพยานเพิ่มเติมในวันที่30 เมษายน 2557 เวลา 13.30 นาฬิกา
โดยกรณีนี้สืบเนื่องมาจาก เช้าวันนี้ (24 เมษายน 2557) คณะทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พร้อมด้วยภรรยาของนายบิลลี่ หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดเพชรบุรีเพื่อขอไต่สวนกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ เพื่อขอศาลเรียกหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมตัวมาไต่สวนให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการควบคุมตัวนายบิลลี่ และขอให้ปล่อยตัวทันที
ทั้งนี้ นายบิลลี่ เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี ได้หายตัวไปหลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 และไม่ทราบชะตากรรมจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงบ่าย ศาลได้พิจารณาไต่สวนคำร้องและพยานฝ่ายผู้ร้องแล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุอันสมควรสงสัยว่า นายพอละจีอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานหรือไม่ เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างขึ้น จึงเห็นสมควรให้มีหมายเรียก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและนายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.6(เขามะเร็ว) ให้มาไต่ส่วนตามคำร้อง ในวันที่ 30 เมษายน 2557 เวลา 13.30นาฬิกา
ส่วนคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำการเยียวยาความเสียหายแก่นายพอละจีนั้น เห็นว่ากรณีดังกล่าวจำจะต้องได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อนว่านายพอละจี ถูกเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติควบคุมตัวไว้โดยมิชอบก่อน ศาลจึงยังไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงให้รอไว้สั่งหลังจากที่ได้ข้อเท็จจริงก่อน