ระหว่างช่วงเวลาที่สื่อมวลชนกำลังเร่งค้นหาข้อมูลการหายตัวของพอละจีหรือบิลลี่ รักจงเจริญ จาก “มุนอ”หรือพิณนภา ภรรยาบิลลี่เพื่อร่วมสืบเบาะแสนั้น กำลังใจหนึ่งที่ทำให้มุนอยังพอมีรอยยิ้มได้คือความน่ารัก นอบน้อม เข้มแข็ง ฉลาดและมีน้ำใจ ที่ซ่อนอยู่ใต้แววตาของลูกๆทั้ง 5 คนที่เป็นสายเลือด “รักจงเจริญ” ได้แก่ ด.ญ.ประติมา (โอ๊ะ) ด.ญ.กาญารัตน์ (โอ) ด.ญ.ประกาศิต (เบ็น) ด.ช.หาญณงค์ ( บิ๊ก )และด.ช.ปวีกร(วี)
สายวันหนึ่งระหว่างที่สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่จากองค์กรต่างๆ มาร่วมให้กำลังใจนางมุนอและญาติคนอื่นๆ “โอ๊ะ” และโอ วัย 9 และ 7 ขวบทำหน้าที่พี่แทนแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธออุ้มน้องเล็กมาเดินเล่น อำนวยความสะดวกให้แม่ทุกอย่าง
“พาน้องไปไหนจ๊ะ” ผู้มาเยือนถามด้วยความเอ็นดู
“พาน้องไปเล่นค่ะ ไปเตะบอล“ โอ๊ะตอบกลับในทันที พร้อมจูงมือน้องลงไปที่ลานเล็กๆหน้าบ้าน แล้วลงเริ่มเกมฟุตบอลอย่างสนุกสนาน โดยหนูน้อยทั้ง 4 คน ถอดรองเท้าลงเหยียบพื้นดินร้อนระอุ สนุกอยู่กับฟุตบอลลูกเก่าโดยไม่กวนใจแม่ ซึ่งโอ๊ะบอกว่า กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาโปรดของเธอที่ต้องเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนทุกวันหลังเลิกเรียน อีกทั้งเป็นกีฬาที่พ่อบิลลี่ฝึกสอนตั้งแต่ยังเด็กๆแม้จะเป็นสาวน้อย
“ตอนนี้ปิดเทอม หนูก็เล่นกับน้อง เล่นที่นี่แล้วก็ลงไปเล่นน้ำ มันเลยเย็นมากนะ พี่ชอบไหม” เด็กหญิงเอ่ยขอความคิดเห็น โดยไม่ต้องการคำตอบและพลางวิ่งไปประคองน้องวัย 1 ขวบด้วยความห่วงใย
ส่วนน้องโอสาวน้อยท่าทางห้าวหาญและผาดโผนเธอลงทุนแสดงท่ามวยไทย วิชาความรู้ด้านกีฬาอีกประเภทที่พ่อสอนมาจนน้องคนกลางอย่าง”เบ็น”ต้องวิ่งเข้ามาร่วมสนุกด้วย
“น้องเบ็นทำไม่เป็น เขายืนนิ่งๆ ไม่ได้ เดี๋ยวล้ม ชกลมก็ชกไม่เป็นเลยนะ พ่อสอนเข่าแล้ว สอนชกด้วย เบ็นก็ยังทำไม่เป็น ส่วนหนูยังเตะไม่เป็นเลย เดี๋ยวพ่อคงมาสอนแหละ” โอบอกสั้นๆ ก่อนจะหันไปสอนน้องสาวให้ทำท่ามวยไทยตามแบบของเธอ
“เบ็นยังพูดภาษาไทยได้ไม่มาก แต่ไม่นานน้องจะเข้าโรงเรียน เมื่อกลับบ้านมาแม่จะสอนภาษาไทยเพิ่มเติมให้ ส่วนพ่อมักกลับมาสอนกีฬา” โอยิ้มทุกครั้งเมื่อพูดถึงพ่อ เธอและพ่อบิลลี่แทบไม่เคยได้ห่างกันนานๆ
ด้วยรู้ดีว่าครอบครัวของเธอเติบใหญ่ในป่าเขาและได้รับความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านให้อาศัยอยู่พร้อมปลูกผักสวนครัวไว้กินและขายบ้าง โดยแลกกับการดูแลสวนให้เจ้าของบ้าน เด็กๆ จึงทดแทนบุญคุณด้วยการช่วยแม่ทำงานในวันว่าง ดังนั้นโอ๊ะและโอต้องแบ่งเวลาดูแลน้องและช่วยแม่ทำงานให้พอดี แต่ด้วยหลงรักกีฬาและฟุตบอลอย่างมาก สาวน้อยทั้งสองต้องเร่งฝึกซ้อมให้เก่งเพื่ออย่างน้อยจะได้ถ่ายทอดให้น้องๆได้
นอกจากเล่นกีฬาเป็นแล้ว โอ๊ะผู้เป็นพี่ใหญ่ยังต้องเรียนเย็บผ้ากับแม่เพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะเวลานี้เธอต้องทำหน้าที่ลูก พี่สาวและเพื่อนให้กับน้องๆ
หลายวันแล้วที่พ่อบิลลี่หายไป แม่มุนอบอกโอ๊ะว่าเธอต้องทำหน้าที่ให้ได้ทั้งหมด เพราะหากทำงานไม่เป็นก็อยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ ส่วนเรื่องการเล่นกีฬาที่เคยเป็นงานที่พ่อบิลลี่สอนลูกๆนั้น แม้เธอเองพอที่จะแนะนำได้บ้าง แต่ก็ไม่เหมือนที่พ่อทำ ขณะที่แม่มุนอต้องมีงานมากมายสำหรับ 5ชีวิตน้อยๆ
“เราต้องสอนวินัยให้ลูก ลูกสาวก็ต้องรู้จักเย็บผ้าให้ได้ คนอื่นๆก็สอนปลูกผักปลูกพืช เพราะมันคือพื้นฐานการใช้ชีวิตของเรา”แม่มุนอสอนลูกๆอยู่เสมอ
ในลานหน้าบ้าน ทั้งโอและโอ๊ะ กำลังซ้อมมวยไทย ก่อนที่จะชวนกันไปเล่นฟุตบอล และสุดท้ายคือสอนรำไทยให้น้อง 2 คน ขณะที่บิ๊กทายาทคนที่ 4 ของบิลลี่ เพิ่งกลับจากการไปตกปลาและเล่นน้ำ ซึ่งผู้เป็นแม่บอกว่า เขาจะเป็นคนขี้อายและเงียบขรึม ไม่ชอบออกสังคมที่มีคนเยอะๆ แต่เวลาช่วยทำงานจะขยันไม่แพ้ลูกคนอื่น แม้ดูดื้อรั้นและหัวแข็งบ้าง แต่บิ๊กมีน้ำใจเสมอ
บิ๊กผูกพันกับพ่อมาก ตั้งแต่บิลลี่หายไป บิ๊กแสดงความห่วงใยมาก ในวันที่ครอบครัวรักจงเจริญเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่ศาลากลางจังหวัด บิ๊กเป็นผู้ที่อาสาถือป้ายอ้อนวอนขอพ่อคืน ท่ามกลางเปลวแดดอันร้อนแรง วันนั้นแม้บิ๊กจะหมดแรง แต่เขาก็ยังทำหน้าที่ลูกได้อย่างดี
ผ่านไปแล้วกว่า 1 สัปดาห์ที่หัวหน้าครอบครัวรักจงเจริญหายไปอย่างไร้วี่แวว ทุกนาที ทุกเวลาดูช่างเชื่องช้ามากสำหรับคนที่ตั้งตารอ แต่หนูน้อยทั้ง 5 คนก็ยังมีความหวังว่าพ่อของพวกเขาจะได้กลับมาสอนกีฬา และอยู่ร่วมเป็นเสาหลักให้ชีวิตต่อไป
————————————
จารยา บุญมาก