เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 12.00 น. ประชาชนที่คัดค้านโครงการท่าเทียบเรือและโรงไฟฟ้ากระบี่ พร้อมภาคีเครือข่ายกว่า 100 คน อาทิ เครือข่ายต่อต้านท่าเทียบปากบาราจังหวัดสตูล, เครือข่ายปกป้องกระบี่ ,เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา- เครือข่ายปกป้องลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช , เครือข่ายรักษ์จังหวัดสตูล ,เครือข่ายพิทักษ์สิทธิชุมชนจังหวัดตรัง ,เครือข่ายคัดค้านถ่านหินประทิว-เครือข่ายรักระแนจังหวัดชุมพร ,เครือข่ายพังงาน่าอยู่ ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดกระบี่เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้ดำเนินการปกป้องสิทธิชุมชนที่คัดค้านท่าเทียบเรือฯ ซึ่งถูกคุกคามโดยผู้ดำเนินโครงการ คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และฝ่ายสนับสนุนโดยการนำเรือสำรวจการขุดเจาะเข้าไปในพื้นที่ชุมชนคลองรั้ว อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่พร้อมทั้งทำการข่มขู่ด้วยถ้อยคำและการกระทำที่ละเมิดสิทธิชุมชน เช่น การยิงปืน การขู่ทำลายเรือ โดยประชาชนได้เดินขบวนถือป้ายคัดค้านโครงการฯ และชูป้ายเรียกร้องความเป็นธรรมจาก กฟผ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริเวณรอบๆ ศาลาหลางจังหวัดกระทั่งนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ออกมารับหนังสือแทนและรับปากว่าจะดำเนินการส่งหนังสือแสดงเจตจำนงค์ของประชาชนให้ถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยเร็วที่สุด นางสาวจินดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ ตัวแทนกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินจากเกาะลันตา จังหวัดกระบี่กล่าวว่า ในการเดินรณรงค์ไม่เอาถ่านหิน ไม่เอาท่าเทียบเรือฯครั้งนี้จากชาวบ้านหวังว่านักการเมืองท้องถิ่นจะมีความเป็นธรรมต่อเสียงประชาชนและให้ความสำคัญกับการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเวทีรับฟังความเห็นครั้งที่ 2 (ค.2)ของโครงการที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)คลองรั้วด้วย เพื่อจะได้รับรู้ในฐานะพยานว่า กฟผ.มีข้อมูลอะไรมาชี้แจงประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเปิดใจรับฟังเสียงคัดค้านประชาชนด้วยว่าเหตุใดคนท้องถิ่นไม่ต้องการพลังงานถ่านหิน ทั้งนี้ภายหลังการยื่นหนังสือ แกนนำเครือข่ายได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ดังนี้ “ปัญหาด้านพลังงานคือปัญหาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ กิจการพลังงานคือกิจการที่ผูกขาดถูกกุมอำนาจในการบริหารจัดการอยู่เพียงคนไม่กี่กลุ่ม ทำให้ธุรกิจนี้เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกิจการซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน กฎหมายที่ผูกขาดก่อให้เกิดการผูกขาดการใช้เชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า การผูกขาดกลุ่มคนที่จะสามารถผลิตไฟฟ้าเข้าสายส่งของ กฟผ. รวมถึงผลประโยชน์ไม่ได้กระจายไปยังประชาชนส่วนใหญ่ เมื่อเกิดการผูกขาดเช่นนี้ย่อมนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์และการใช้อำนาจได้โดยง่ายดังเช่นที่เกิดขึ้นหลายกรณีแล้วในประเทศนี้ “กรณีการใช้ความรุนแรงของการผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บ้านคลองรั้ว อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่คือผลลัพธ์ของการใช้อำนาจที่ผูกขาดมานานของระบบไฟฟ้าประเทศไทย เริ่มจากมีข้อน่าสงสัยว่า นานาประเทศประกาศปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน และประกาศใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ประเทศไทยกลับประกาศใช้ถ่านหินและมีมาตรการผลักดันอย่างเต็มที่ ตั้งแต่รัฐมนตรีพลังงานของรัฐบาลปัจจุบันขึ้นดำรงตำแหน่งก็ประกาศให้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 10,000 เมกกะวัตต์ทันที และมีมาตรการผลักดันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสงสัยอย่างยิ่งคือ ทำไมกระทรวงพลังไม่ตั้งโจทย์ว่าจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างไร แต่กลับไปตั้งโจทย์ว่าต้องสร้างโรงไฟฟ้าที่มาจากถ่านหิน ทั้งที่มีงานวิจัยหลายพื้นที่ในโลกว่าก่อผลกระทบอย่างมหาศาลและร้ายแรงที่สุดในบรรดามลพิษทางอากาศทั้งหลาย “กรณีการสร้างท่าเรือบ้านคลองรั้ว กฟผ.และบริษัทรับจ้างกลับใช้บริการของนักเลงอันธพาล ข่มขู่ประชาชนที่ออกมารักษาวิถีชีวิตและทรัพยากร มีการณ์นำแพขนาดใหญ่เข้ามาเพื่อจะเข้าชนเรือประมงชาวบ้านแต่การรวมตัวอย่างเข้มแข็งทำให้รอดพ้นมาได้ นอกจากนี้ยังมีการยิงปืนข่มขู่เพื่อให้ชาวบ้านสลายตัว พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการไม่สนใจความถูกต้องขอเพียงสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้เท่านั้น “กรณีการใช้นักการเมืองท้องถิ่นและอันธพาลเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของภาคใต้ แต่เหตุการณ์ที่คลองรั้วกลับรุนแรงเป็นพิเศษด้วยการเผชิญหน้าและใช้กำลังอาวุธข่มขู่ประชาชนโดยกลัวเกรงกฎหมาย “เครือข่ายประชาชนภาคใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินจึงมีความเห็นร่วมกันว่า ขอประณามการใช้ความรุนแรงของกฟผ.และบริษัทที่ปรึกษา และขอให้สื่อมวลชนติดตามการใช้วิธีการอันธพาลของ กฟผ.ต่อไป โดยเฉพาะวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ซึ่งจะมีการทำเวทีรับฟังความเห็นรายงานEHIA ครั้งที่ 2 พื้นที่ตำบลตลิ่งชัน ชุมชนบ้านคลองรั้วคาดว่าจะมีการก่อกวนและใช้วิธีการอันธพาลเพื่อให้เวทีรับฟังความเห็นผ่านไปได้ ขอเรียกร้องให้ กฟผ.ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและหาตัวผู้ที่ยิงปืนข่มขู่ประชาชนมาลงโทษตามกฎหมายเพราะถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและสิทธิตามรัฐธรรมนูญ “เครือข่ายประชาชนภาคใต้ขอแสดงจุดยืนให้เกิดการปฏิรูปพลังงาน ปลดถ่านหินจากแผนพีดีพีและขอให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานยกเลิกถ่านหินจากแผนพีดีพี และขอให้ยกเลิกการดำเนินการทั้งหมดที่จะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ทุกพื้นที่ มิเช่นนั้นเครือข่ายประชาชนทั้งภาคใต้จะกำหนดการเคลื่อนไหวใหญ่เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและการปลดถ่านหินจากแผนพีดีพีต่อไป” ————– หมายเหตุ-ขอบคุณภาพจากเครือข่ายปกป้องกระบี่
นายจ้างสีขาว-ลูกจ้างต่างด้าวหวั่นข้อมูลลงทะเบียนแรงงานหลุดถึงมือรัฐบาลพม่า-เชื่อถูกนำไปเช็คบิลแน่หลังรัฐบาลทหารพม่าถังแตกสั่งเรียกเก็บภาษี 25% ชาวมอญตื่นสั่งลูกเลิกเรียนแห่กันเข้ามาขุดทองในไทย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 นางนิลุบล พงษ์พะยอม ตัวRead More →