เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 เวลา ที่ห้องประชุมไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ชั้น 1 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) ได้มีการประชุมแกนนำชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงเพื่อการฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรม โดยตอนหนึ่งได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกรณีที่นายชัยวัฒน์ ลิมขิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการโยกย้ายออกนอกพื้นที่ว่าเป็นการขอย้ายตัวเองเป็นเวลา 1 เดือน
ภายหลังการประชุม ผู้แทนชาวกะเหรี่ยงจากพื้นที่ต่างๆได้ร่วมกันแถลงข่าวพร้อมออกแถลงการณ์ในนามสมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามระจานโดยระบุว่า พวกเราสมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ทำหนังสือขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานชั่วคราว เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงองค์กรเอกชนต่างๆลงพื้นที่ทำ งานได้อย่างเต็มที่ แต่ทางกลุ่มพวกเรามีความเห็นว่าการทำหนังสือขอ ย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ของนายชัยวัฒน์ ครั้งนี้ได้แสดงถึงความไม่จริงใจ ไม่บริสุทธิ์ใจ และยังมีท่าทีคุกคามในการใช้อิทธิพล เพราะเดิมทีนายชัยวัฒน์ เป็นบุคคลที่นิยมใช้แนวทางรุนแรง และใช้อิทธิพลในการบริหารจัดการพื้นที่ เช่น กรณี รื้อเผาบ้านและยุ้งข้าวของชาวบ้าน หรือกรณีถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่านายทัศมลจนนำมาสู่กรณีการหายตัวไปของบิลลี่
ผู้แทนกะเหรี่ยงกล่าวว่า ในกรณีการขอย้ายตัวเองของนายชัยวัฒน์ครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นความเกี่ยวข้องในระดับบุคคล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับองค์กรคือ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบและเป็นผู้กำหนดระยะเวลาและพื้นที่ในกาย้าย มิใช้ให้เจ้าหน้าที่ผู้เป็นคู่กรณีปัญหาเป็นผู้กำหนดเอง เพราะจะเอื้อให้มีผลต่อการเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ใน กระบวนการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นอิสระ กรมอุทยานฯต้องไม่มีท่าทีเสมือนเปิดโอกาสหรือสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่เพราะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของกรมอุทยานฯ
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า หากพิจารณาจากกรณีการกำหนดพื้นที่ขอย้ายตัวเองออกไปประจำการในพื้นที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 (บ้านโป่ง) ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่คอยกำกับดูการปฏิบัติงานของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นั่นหมายความว่า ยังคงอยู่ในเขตอิทธิพลการใช้อำนาจในพื้นที่กรณีพิพาทของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรเช่นเดิม และกรณีระยะเวลาในการย้ายตัวเองออกไปนอกพื้นที่เพียงหนึ่งเดือนนั้นเป็นการประกาศยืนยันการกลับมาปฏิบัติงานในพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นการกดดันและใช้อิทธิพลในกระบวนการสืบสวนสอบสวนและแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ผู้แทนชาวกะเหรี่ยงกล่าวว่า จากกรณีการขอย้ายตนเองที่นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยเป็นผู้กำหนดทั้งพื้นที่และ ระยะเวลาด้วยตนเองนั้น หากทางกรมอุทยานฯอนุมัติการย้ายตนเองตามข้อเสนอของนายชัยวัฒน์นั้น ทางสมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามจึงมีความเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใสและความชัดเจน ตลอดจนความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ในกรณีการแก้ปัญหานี้ ดังนี้สมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยามจึงเรียกร้องต่อกรมอุทยานฯดังนี้ 1. ขอให้กรมอุทยานฯ มีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ ให้ไปช่วยราชการที่กรมโดยด่วน เพื่อพ้นจากพื้นที่ขอบเขตการใช้อำนาจและอิทธิพลในพื้นที่กรณีพิพาท 2. ขอให้กรมอุทยานฯมีคำสั่งย้ายนายชัยวัฒน์ ออกจากพื้นที่จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้(14 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. ตัวแทนสมาพันธ์กะเหรี่ยงแห่งสยาม และตัวแทนเครือข่ายกะเหรี่ยงภาคเหนือและภาคตะวันตก พร้อมด้วยตัวแทนองค์กรนิรโทษกรรมสากล(แอมนาสตี้) จะเดินทางไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ตามคำเชิญของปลัดทส. โดยนอกจากหารือเรื่องการหายตัวไปของนายบิลลี่ซึ่งแอมนาสตี้กำลังรณรงค์ให้คนทั่วโลกร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยติดตามการหายตัวไปของนายบิลลี่แล้ว ทั้งหมดจะเพื่อยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับ การขอย้ายตัวเองของนายชัยวัฒน์ เป็นเวลา 1 เดือนด้วย
/////////////////////////////
หมายเหต-ขอบคุณภาพจากพอช.