น่าสนใจครับสำหรับท่าที่ของคุณถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.ที่ให้สัมภาษณ์นสพ.โพสต์ทูเดย์ฉบับวันนี้(1 มิ.ย.) แต่นั่นน่าจะเป็นท่าทีของคุณถาวรคนเดียว เพราะไม่รู้ว่าเหล่าแกนนำกปปส.จะเห็นเช่นนี้หรือเปล่า บางทีอาจจะยังเริงร่าอยู่ในบรรยากาศเฉลิมฉลองชัยอยู่ก็ได้
คุณถาวรขอเป็นหมาเฝ้าบ้านติดตามงานของคสช.และเตือนว่าอย่าให้ต้องหนีเสือปะจระเข้ ซึ่งโดนใจผมพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการหนีเสือปะจระเข้ของภาคประชาชน เพราะดูทิศทางแล้วน่ากลัวมาก
น่ากลัวตั้งแต่เห็นรายชื่อคณะที่ปรึกษาคสช.เพราะมีแต่ทหารกับผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มี“ผู้รู้”ในงานภาคสังคมอยู่เลย ทำให้พุ่งทะยานไปในเรื่องของความมั่นคงและการแก้ไขปัญหาของประเทศอยู่ในกรอบของเศรษฐกิจที่ยังคงให้น้ำหนักไปที่ตัวชี้วัดผ่านตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นจีดีพีหรือตัวเลขการลงทุนต่างๆ
ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนหรือส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่อยากให้ฉุกคิดถึงเรื่องเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเอง และเศรษฐกิจที่กินได้ของประชาชนบ้าง ถ้ายังคงห้อตะบึงแต่เรื่องการดึงนักลงทุนต่างชาติและการส่งออกเป็นหลัก วัฏจักรแบบใยแมงมุมก็จะกลับสู่สังคมไทยไม่หยุดหย่อนคือเราต้องมานั่งปวดหัวและคอยระวังเภทภัยจากภายนอกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งๆที่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
ทำไมเราถึงไม่หันทิศไปที่เศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองให้มาก
หากหันหัวไปในทิศทางพึ่งตนเอง ปัจจัยที่ต้องคำนึงอย่างมากคือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ เพราะตรงนี้คือความยั่งยืนทางด้านอาหารและเป็นส่วนสำคัญของความมั่นคงในวิถีชีวิตของคนชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ในครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลส่งเสริมให้ทุนเข้าไปแย่งชิงทรัพยากรของคนในท้องถิ่น จนกลายเป็นความขัดแย้งมากมายในทุกระดับ และเป็นเหตุของความอยุติธรรมที่จำเป็นต้อง “ปฎิรูป”เร่งด่วน
เราจะแก้อาการป่วยไข้ของสังคมนี้ไม่ได้แน่ หากยังพึ่งพา“ปลัดกระทรวง”หรือข้าราชการประจำเป็นหลัก ซึ่งมีบทเรียนเป็นประจักษ์ เอาที่ใกล้ๆหน่อยก็คือในการรัฐประหารครั้งก่อน และได้รัฐบาลที่เป็นอดีตข้าราชการมาเป็นรัฐมนตรีหรือดำรงตำแหน่งสำคัญๆจำนวนมาก ผลสัมฤทธิ์จึง “หน่อมแน้ม”มาก และแทบแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายหรือปัญหาทางโครงสร้างไม่ได้เลย
ดังนั้นการผลักดันโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงควรที่จะฟังเสียงของประชาชนด้วย อย่างกรณีแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่เต็มไปด้วยความฉ้อฉลของผู้จัดทำและเครือข่าย เช่นเดียวกับพัฒนาพลังงานหรือพีดีพีของกฟผ.ที่แฝงไว้ด้วยความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนจำนวนมาก จำเป็นต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่ฟังเสียง “นักฉกฉวยบางคน”
คสช.หรือรัฐบาลชั่วคราวมาแล้วก็ไป แต่ประชาชนยังต้องผจญชะตากรรมไปตลอดชีวิตชั่วลูกชั่วหลาน ทำไมไม่ให้เขามีส่วนร่วมสำคัญในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
อย่าให้ประชาชนต้องหนีเสือปะจระเข้เลยครับ