Search

เผยวิจัยความไม่เป็นธรรมในคดีที่ดินแฉขบวนการรัฐ-เอกชนสมคบกันรุกที่ชาวบ้านเสนอ 17 ปัญหา 5 รูปแบบทางออก

image

ในวันพรุ่งนี้( 14 มิถุนายน 2557) ที่อาคารคริสตจักรในประเทศไทย ถนนพญาไท(เชิงสะพานหัวช้าง) กรุงเทพฯ จะมีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “งานวิจัยที่ดินกับแนวทางการนำไปใช้แก้ปัญหา” โดยจะมีการนำเสนอรายงานการีวิจัยเรื่องความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมคดีที่ดินราษฎรยากจน ซึ่งคณะวิจัยประกอบด้วยม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ เป็นหัวหน้าโครงการ ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ เป็นรองหัวหน้าโครงการและผศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ เป็นนักวิจัย

ทั้งนี้ในเอกสารงานวิจัยที่มีความยาวกว่า 120 หน้านั้น ได้มีการศึกษาความจริงของคดีที่ดินและกระบวนการยุติธรรม ใน 5 ชุมชน ซึ่งประกอบด้วย 1. ชุมชนเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน 2.ชุมชนหนองกินเพล จังหวัดอุบลราชธานี 3.ชุมชนทุ่งพระ จังหวัดชัยภูมิ 4.ชุมชนชาวราไวย์ จังหวัดภูเก็ต 5.ชุมชนทับยาง จังหวัดพังงา

ในช่วงท้ายของรายงานวิจัยชิ้นนี้ได้ระบุถึงภาพรวมความไม่เป็นธรรมในคดีที่ดินว่า คดีที่ดินที่ฟ้องร้องขับไล่ราษฎรออกจากที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองทำประโยชน์มานานมาเป็นของเอกชนและของหน่วยงานรัฐ กระทำกันเป็นขบวนการซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เริ่มจากผู้มีอำนาจทั้งนายทุนหรือหน่วยงานของรัฐที่ต้องการใช้ที่ดินมักจะรู้ข้อมูลข่าวสารวงในของที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาทำประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้จึงต้องการได้ที่ดินจากชาวบ้านมาแสวงหาผลประโยชน์ ที่ดินนี้มักเป็นที่ดินที่ชาวบ้านครอบครองใช้ประโยชน์อยู่แต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ รวมทั้งที่ดินสาธารณะที่ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกันแต่ไม่มีกลุ่มองค์กรชุมชนรับผิดชอบที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการเช่น ที่ป่าใช้สอยชุมชน ป่าช้า ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ หรืออาจเป็นที่ดินที่นายทุนเคยครอบครองอยู่ก่อนเช่นที่ที่สัมปทานป่า เหมืองแร่ หรือที่ได้รับอนุญาตให้เช่าจากรัฐซึ่งมักอยู่ในชนบทห่างไกล

ในงานวิจัยระบุว่า ขบวนการเหล่านี้มักใช้อำนาจบารมีทั้งในระบบและนอกระบบสร้างความไว้วางใจจากชาวบ้านหรือทำให้ชาวบ้านเกรงกลัวหรือไม่บอกให้ชาวบ้านรู้เรื่องก่อน แล้วใช้วิธีการต่างๆ และโอกาสที่อำนวยเข้ามาแย่งชิงที่ดินเช่นปลอมเอกสารสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้า ปลอมเอกสารของซื้อขายที่ดิน รับซื้อที่ดิน ตลอดจนบีบให้ชาวบ้านขายที่ดิน โดยการสมรู้ร่วมคิดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่ไม่สุจริต นำหลักฐานไปออกเอกสารสิทธิ์แสดงการครอบครองที่ดินเช่นใบจอง, สค.1 หรือ นส.3 ก่อนโดยไม่ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย เช่น การชี้แนวเขตจากเจ้าของที่ดินข้างเคียง ไม่ฟังคำคัดค้านจากราษฎรผู้ที่ครอบครองที่ดินอยู่เดิม

ในรายงานระบุว่า วิธีการดังกล่าวทำให้นายทุนมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ได้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินมาก่อน แล้วจึงนำที่ดินทั้งผืนหรือแบ่งเป็นแปลงย่อยๆ ไปขาย หรือนำไปฟอกให้มีหลักฐานมั่นคงทางกฎหมายด้วยการนำที่ดินไปผ่านกระบวนการทางสถาบันการเงินคือจำนองธนาคาร ได้เงินมาแล้วไม่ชำระหนี้ ปล่อยให้ล้มละลาย ให้ธนาคารยึดที่ดินที่เป็นทรัพย์ประกัน แล้วหาคนมารับซื้อที่ดินหรือจัดการใช้หนี้ให้พ้นล้มละลาย เพื่อนำที่ดินกลับมาขายต่อให้บุคคลภายนอกแล้วจึงฟ้องขับไล่ราษฎรที่ครอบครองที่ดิน ชาวบ้านแพ้คดีจะถูกบังคับคดีต้องอพยพรื้อถอนบ้านเรือนทรัพย์สินออกจากที่ดิน

ในงานวิจัยระบุด้วยว่า หากราษฎรไม่ยอมออกจากที่ดินหรือใช้ที่ดินที่กระทบต่อผลประโยชน์ของผู้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน ก็จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและทางอาญาจนอาจจะต้องติดคุกและชดใช้ค่าเสียหายให้นายทุน ครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส หลายกรณีคดียืดเยื้อทั้งฝ่ายโจทก์คือนายทุนหรือเจ้าหน้าที่รัฐและจำเลยคือราษฎรเสียชีวิต ทายาทก็จะฟ้องร้องเป็นคดีความกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ราษฎรซึ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบต้องหมดเวลาและเงินทองไปกับการขึ้นศาลไม่สามารถทำมาหากินเลี้ยงชีพได้ตามปรกตินานเข้าก็กลายเป็นปัญหาทางสังคม

ในรายงานระบุถึงความไม่เป็นธรรมคดีที่ดินจำนวน 17 ประเด็น อาทิ การปล่อยให้ข้อมูลที่ดินวงในหลุดออกมาภายนอก จนทำให้นายทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการพัฒนาที่ดินของรัฐซึ่งเป็นข้อมูลปกปิดวงในจากหน่วยงานของรัฐ ,การเข้าไม่ถึงข้อมูลหลักฐานของทางราชการ ราษฎรไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของรัฐในหลายๆเรื่อง เช่นขอตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ์ที่ดินของเอกชนที่สงสัยว่าจะได้มาโดยมิชอบแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ,เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ไม่วางตัวเป็นกลางหรือไม่เป็นที่พึ่งของราษฎร พนักงานเจ้าหน้าที่ท้องที่และท้องถิ่นบางคนได้รับผลประโยชน์จากการเป็นเครื่องมือให้นายทุนหรือหน่วยงานรัฐ ใช้อำนาจบารมีกดดันให้ราษฎรยอมขายที่ดินหรือยอมออกจากที่ดินตามคดีที่ถูกฟ้องร้อง

สำหรับแนวทางจัดการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมคดีที่ดินของราษฎรยากจนนั้น ในงานวิจัยระบุไว้ ดังนี้ 1.การช่วยให้ราษฎรได้รับความเป็นธรรมขั้นพื้นฐาน เช่น การเยียวยาราษฎรที่บริสุทธิ์พ้นข้อหาทางคดีความ 2. ช่วยให้ราษฎรมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม 3.การปรับปรุงแก้ไขการบริหารจัดการของรัฐ 4. การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย 5. การปฏิรูปหน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมคดีที่ดิน

On Key

Related Posts

แฉธุรกิจสีดำในเมืองท่าขี้เหล็กยังอยู่สบายหลังปรับรูปแบบจากอาคารใหญ่ไปเช่าห้องแทน เผยวัยรุ่นไทยยังแห่เข้าไปรับจ้างในแหล่งพนันออนไลน์-พ่อค้าหัวใสเลี่ยงส่งน้ำมันเข้าท่าขี้เหล็กอ้อมทางเชียงแสนแทน

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ภายหลังจากที่รัฐบาลดRead More →

ธุรกิจท่าข้ามฟากริมน้ำเมยเฟื่องฟู-แฉเป็นแหล่งขนย้ายเหยื่อค้ามนุษย์-มาเฟียจีนไปสู่แหล่งอาชญากรรมฝั่งเมืองเมียดี “โรม”จี้ตรวจสอบเชื่อเป็นช่องโหว่สำคัญ นายอำเภอแม่สอดเรียกประชุมผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 นายรังสิมันต์ โรม ปรRead More →

สำรวจเมืองท่าขี้เหล็กพบมาตรการตัดไฟฟ้าไม่กระทบแต่เดือดร้อนเรื่องถูกระงับส่งน้ำมัน-แม่ค้าโอดนักท่องเที่ยวซบหนักตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดแถมน้ำท่วมซ้ำ

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าRead More →

 DKBA ร่อนแถลงการณ์พร้อมส่งคืนเหยื่อค้ามนุษย์-2 นักวิชาการแนะรัฐบาลแก้ปัญหาครบวงจร “ศ.ยศ” เผยส่วยมาเฟียจีนนับพันล้านส่งฝั่งไทย เครือข่ายฯส่งหนังสือทวงคำตอบนายกฯแพทองธารช่วยเหลือเหยื่อนับพัน

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 กองทัพกะเหรี่ยงประชาRead More →