เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม น.ส.สมภาร คืนดี ผู้ประสานงานคณะกรรมการชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูชีวิตและชุมชนปากมูล(ชชช.) เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของชาวบ้านที่ต้องการให้เปิดประตูเขื่อนปากมูลว่า ล่าสุดในวันเดียวกันนี้ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างมาคอยอยู่หลังเขื่อนเพราะก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศว่าจะเปิดประตูเขื่อนทุกบานในวันที่ 28 ในเวลา 11.00 น.โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ได้มีการยกประตูเพื่อระบายน้ำออกมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งระดับน้ำทั้ง 2 ด้านเริ่มใกล้เคียงกัน แต่ปรากฏว่าจนถึงเวลา 12.30 น.ก็ยังไม่มีการเปิดประตูเขื่อน แถมยังปิดประตูสนิท ทำให้ปริมาณน้ำด้านในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอีก
“ชาวบ้านต่างมายืนรอดูตั้งแต่เช้า เพราะอยากเห็นเขาเปิดประตูเขื่อนจริงๆเสียที แต่ก็ไม่เปิดสักที ปีนี้ฝนตกเรื่อยมาตลอด 2 เดือน ทำให้ปริมาณน้ำมาก ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าจะกักเก็บน้ำไว้ทำการเกษตรหน้าแล้ง ก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเพราะมีคนทำนาน้อยมาก และยิ่งช่วงนี้ทั้งน้ำฝนและน้ำในแม่น้ำโขงก็มีมากมาย จึงไม่มีข้ออ้างที่จะกักเก็บน้ำไว้ ยิ่งข้ออ้างเรื่องเก็บไว้ปั่นกระแสไฟฟ้า ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะรับรู้กันดีว่าเขื่อนแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าได้น้อยมาก จนแทบไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟจากที่นี่” น.ส.สมภาร กล่าว
น.ส.สมภารกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ชาวบ้านได้ประชุมกัน และมีมติว่าจะเคลื่อนไหวไปยื่นหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อขอให้เปิดเขื่อนปากมูล เนื่องจากเป็นช่วงสุดท้ายแล้วที่ปลาจะเข้ามา แต่พอวันที่ 23 ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ก็เริ่มยกประตูและปล่อยน้ำบางส่วน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้ประกาศเสียงตามสายแจ้งลูกบ้านว่า ให้ระวังเครื่องมือหาปลาเพราะจะมีการเปิดเขื่อนในวันที่ 28 ทำให้ชาวบ้านที่ตั้งใจจะไปยื่นหนังสือถึงคสช.ชะลอกันไว้ก่อน แต่สุดท้ายกลับยังไม่มีการเปิดประตู ซึ่งชาวบ้านคงต้องหารือกันอีกครั้งว่า หากไม่มีการเปิดประตูเขื่อนจะร่วมกันเคลื่อนไหวอย่างไร
น.ส.สมภารกล่าวว่า ปัญหาเรื่องการเปิดประตูเขื่อนปากมูลหยุดชะงักลงนับตั้งแต่มีการล้มเลิกคณะกรรมการในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งๆที่ความจริงแล้วข้อเท็จจริงต่างๆปรากฏชัดเพราะผ่านการศึกษามามากมายและมีข้อสรุปชัดเจน เพียงแต่ยังไม่มีการแก้ปัญหาเพราะการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
///////////////////