เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2557 เวลา 09.00 น . ที่บริเวณหอนาฬิกา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เครือข่ายภาคประชาชนใน 11 จังหวัดภาคใต้ อาทิ เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เครือข่ายพลเมืองสงขลา องค์กรกรีนพีซ (Green Peace ) เครือข่ายรักษ์อันดามัน สมาคมนักท่องเที่ยว กลุ่มศิลปิน ฯลฯ จำนวนกว่า 200 คน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน “ โดยการเดินเท้าจากหาดใหญ่ –กรุงเทพฯ เพื่อให้ความรู้กับประชาชนและเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบพลังงานของประเทศไทย
ทั้งนี้บรรยากาศช่วงเช้าตัวแทนแต่ละเครือข่ายได้มาร่วมจัดเตรียมสถานที่ โดยสวมเสื้อรณรงค์สีขาวโดยมีรูปปลาเป็นสัญลักษณ์ พร้อมปักธงสีเขียวเป็นรูปวงกลม มีข้อความว่า “เดินวันละโยชน์เพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติ” ขณะที่บริเวณใกล้เคียงมีกลุ่มศิลปินจัดพื้นที่ประทับรอยเท้า ให้ประชาชนที่ร่วมขบวนได้ใช้ศิลปะจากรอยเท้าประดับบนแผ่นผ้า เตรียมใช้ในการเดินรณรงค์ฯ
นอกจากนี้ประชาชนบางส่วนได้ร่วมกันชูป้ายที่มีข้อความเรียกร้องให้ประเทศไทยปฏิรูปพลังงาน ทั้งด้านราคา และระบบบริหารในรัฐวิสาหกิจ เช่น ระบุว่า “ พลังงานไทย ราคาเป็นธรรม ประชาชนต้องเป็นเจ้าของ” ,“Energy for all” , “พลังงานไทยเพื่อคนไทย”
เวลา 08.30 น.ระหว่างที่เครือข่ายฯต่างๆกำลังเร่งรัดเรื่องเตรียมสถานที่อยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ามาสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง นำโดยพันเอกชัยเดช ทองประดิษฐ์ ซึ่งได้เข้ามาขอความร่วมมือให้ประชาชนยุติการจัดกิจกรรมรณรงค์และห้ามเดินเท้าตามแผนงานที่ภาคประชาชนจัดเตรียมไว้ รวมทั้งห้ามรวมกลุ่มกันเพื่อกระทำการในลักษณะประท้วง โดยอ้างว่าเป็นการรักษาความสงบ และไม่อยากให้ภาคใต้เป็นพื้นที่นำร่องจุดชนวนให้เกิดการกระทำลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่น ทำให้สถานการณ์ตกอยู่ในความตรึงเคียด เพราะภาคประชาชนมีท่าทีไม่ยอม
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้ขอหารือกับแกนนำเป็นการภายในโดยไม่อยากให้สื่อมวลชนเข้าฟังพร้อมทั้งอ้างเหตุผลว่าขณะนี้บ้านเมืองต้องการความมั่นคง และขอให้ประชาชนนำข้อเรียกร้องเรื่องปฎิรูประบบพลังงานไปร้องยังศูนย์ร้องทุกข์ทั่วไปซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจใช้เวลาเจรจาร่วมกับเครือข่ายนานกว่า 30 นาที แต่ไม่เป็นผล เพราะประชาชนยืนยันว่าการเดินเท้า ที่สำคัญกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้ขัดกับกฎอัยการศึกและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยแกนนำได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนแล้วว่า ประชาชนใช้อำนาจตามหลักการปกครองที่ถูกต้อง ไม่ทำลายความสงบ ความมั่นคง และไม่สั่นคลอนระบบเศรษฐกิจในประเทศ
นางพิชยา แก้วขาว เครือข่ายพลเมืองสงขลาหนึ่งในผู้ร่วมขบวนเดินเท้า ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ทหารพยายามห้ามไม่ให้ภาคประชาชนจัดกิจกรรม ว่า การเดินเท้าของทุกคนครั้งนี้จะมีผู้ร่วมเดินกี่คนก็เป็นแค่การเดินทาง ไม่ใช่การประท้วง ไม่มีแกนนำมานำมวลชนหรือสร้างความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ทหารเหมือนทุกครั้งที่ประเทศเกิดความขัดแย้งทางการเมือง อีกทั้งการรณรงค์เป็นกิจกรรมทางสังคมในฐานะคนไทยยืนยันว่าไม่เคยคิดท้าทายอำนาจผู้บริหารประเทศ แต่มาในฐานะผู้เสียผลประโยชน์มานาน และเชื่อว่าการปฏิรูปที่ได้ผลต้องปฏิรูปให้คนจนคนรวยมีอำนาจเท่าเทียมกัน ไม่มุ่งดึงดันให้ประเทศปลอดคนจนด้วยการขับออกนอกนโยบายการพัฒนาประเทศแล้วกลายเป็นคนที่ถูกลืม
“คสช.ไม่มีอำนาจมาระงับการเดินเท้าเพราะถือว่า ประชาชนมีสิทธิเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางด้วยความสงบบนวิธีที่เลือก แค่ไม่ใช้การคมนาคมรูปแบบอื่นเท่านั้น เราไม่ได้กวนหรือยั่วโมโหน่ะ แต่ศูนย์ร้องทุกข์ของ คสช.เป็นเรื่องเย็นๆ ช้า ๆ เรามาให้ความรู้ประชาชนและไม่ได้สร้างความขัดแย้ง คู่กรณีเดียวที่ประชาชนมีในเรื่องพลังงาน คือ ทุน คือ เอกชนและหน่วยงานรัฐบางแห่งเท่านั้นที่เสนอสัมปทานทั้งน้ำมัน โครงการใหญ่ๆ ซึ่งหลายๆ อย่างบนเวทีไม่ได้มีหลักการอะไรมากมาย ก็แค่การพูดคุยกันในฐานะคนเสียเปรียบเท่านั้น คสช.จะใช้อำนาจอ้างความสงบ ความมั่นคงไม่ได้” นางพิชยา กล่าว
ด้านนางสุไรดะห์ โต๊ะหลี ชาวอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอร่วมเดินเท้าประมาณ 4-5 กิโลเมตร ไม่ได้อยู่ร่วมตลอดทั้งวัน เพราะต้องไปติดตามความคืบหน้าเรื่องการร้อง คสช.ที่ค่ายทหารเสนาณรงค์ ให้ระงับโครงการอุตสาหกรรมทุกรูปแบบที่อำเภอจะนะ เนื่องจากท้องถิ่นมีโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงแยกก๊าซและอุตสาหกรรมย่อยเกือบ 180 แห่งแล้ว โดยผลสำรวจคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่อุตสาหกรรมล้วนเผชิญกับพิษมหาศาล ประชาชนจึงรวมตัวกันต่อต้านโครงการใหญ่ที่กำลังจะตามมาทั้งท่าเรือ สะพานและโรงงาน เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมรอบๆ อำเภอที่ยังสมบูรณ์อยู่ ซึ่งชาวบ้านเรียกความสมบูรณ์นี้ว่า “ควน นา ป่า เล” เป็นคำย่อว่า ไร่นาป่าทะเล ที่มีทั้งเกษตรกรรมแบบปลูกยางพารา ประมงพื้นบ้าน และการทำนา รวมทั้งการอาศัยป่าที่พัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนจะนะมากมาย
“ป่าจะนะที่ไม่ใช่พื้นที่อุตสาหกรรมมีนกเขาชวา ชาวบ้านเคยจับไปขายที่มาเลเซีย สิงคโปร์ ตัวละหลายแสนบาท มีนกเขาอยู่เยอะมากในป่ายจะนะ แสดงว่าอากาศตรงนั้นยังพออยู่ได้ ถ้าอุตสาหกรรมมาเพิ่มแล้วนกเขาจะอพยพไปไหนหรือเปล่า คนประมงหาปลาทุกเช้าค่ำ ได้มาเลี้ยงชีพไม่รวยเงินล้าน เงินแสนเราก็อยู่ได้ แต่อุตสาหกรรมมา ปลาก็หาย นกก็ตาย คนก็จะตายอีก เราต้องต่อต้าน ดังนั้นเสร็จกิจกรรมเดินเท้าช่วงเช้า เราคนจะนะจะไปทวงถามความคืบหน้าเรื่องนี้ เราทรมานมา 10 กว่าปี ตอนสร้างโรงแยกก๊าซรัฐบาลเคยบอกว่าจะให้งาน ตอนนี้ไม่มีเลยคนได้งาน มีแต่คนป่วยเพราะอากาศไม่ดี ยังไงป้าก็จะสู้จนตัวตาย เราเคยโดนจับ โดนห้ามประท้วงโรงงานมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ปีนี้ป้าไม่ยอมแล้ว อยากให้ทหารเข้าใจ เรามาในฐานะคนเสียเปรียบ คนถูกกระทำไม่ใช่คนน่าสมเพช” นางสุไรดะห์ กล่าว
เวลาประมาณ 10.00 น.ภาคประชาชนได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์และประกาศเจตนารมณ์ พร้อมการแสดงศิลปะและดนตรีจากกลุ่มศิลปิน ก่อนออกเดินขบวนในเวลา 10.25 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเครือข่ายได้ประเมินเวลาและระยะทางแล้วคาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ระยะทางร่วม 1,400 กิโลเมตร เน้นการเดินเข้าถึงชุมชน เขตหมู่บ้านมุ่งสร้างความรู้เรื่องระบบพลังงานไทย
#######################################################
แถลงการณ์ฉบับที่๑ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน
ขอให้มีการปฏิรูปพลังงานอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อประเทศชาติและประชาชน
#######################################################
๑.ตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปพลังงานมานานหลายปีและไม่สามารถดำเนินการได้ในรัฐบาลนักการเมืองหลายสมัยที่ผ่านมาประกอบกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.)ได้มีนโยบายการปฏิรูปประเทศเพื่อคืนความสุขให้คนไทย อีกทั้งความสำคัญของการปฏิรูปได้บรรจุไว้ในรััฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗มาตรา๒๗ให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติมีหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่างๆการปฏิรูปพลังงานบรรจุในประเด็นที่ (๗) ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งต่อความสุขของคนไทย
๒.เพื่อสนับสนุนคสช. คณะรัฐบาลและสภาปฏิรูปแห่งชาติให้เกิดการปฏิรูปพลังงานอย่างถูกต้องและเป็นธรรมรวมทั้งเป็นการแสดงเจตนารมณ์เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปทั้งด้านเนื้อหาและการมีส่วนร่วมขาหุ้นปฏิรูปพลังงานซึ่งประกอบด้วยประชาชนทั้งในภาคใต้ภาคกลางภาคอีสานภาคตะวันออกจึงได้ออกเดินรณรงค์เพื่อให้ความรู้กับประชาชนว่าทำไมต้องปฏิรูปพลังงานและเป็นการแสดงข้อมูลความรู้เพื่อให้ข้อเสนอการปฏิรูปพลังงานตั้งอยู่บนฐานข้อเท็จจริงและเป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียวโดยวิธีการดังกล่าวนี้จะทำให้การปฏิรูปกลายเป็นหัวใจสำคัญของการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง
๓.การปฏิรูปพลังงานเป็นประเด็นสำคัญยิ่งที่เต็มไปด้วยอำนาจและผลประโยชน์ทั้งนี้ได้มีตัวเลขในองค์กรต่างประเทศที่ได้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีปิโตรเลียมมากกว่าประเทศในกลุ่มโอเปกบางประเทศและเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศพบว่าเราใช้น้ำมันแพงเป็นอันดับที่๙เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในบรรดาการสำรวจ๖๑ประเทศทั่วโลกและเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านพบว่าผลประโยชน์ที่ประเทศได้รับน้อยกว่าประเทศเหล่านั้นมากในทางตรงกันข้ามกำไรส่วนใหญ่ตกเป็นของบริษัทเอกชนซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อให้สัมปทานไปแล้วเราจะสูญเสียอธิิปไตยด้านปิโตรเลียมให้กับบริษัทเอกชนทันทีซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติและทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการที่ประชาชนต้องใช้น้ำมันก๊าซในราคาแพงมากอีกทั้งระบบดังกล่าวเอื้อต่อการทุจริตคอรัปชั่นของวงการราชการที่ยอมออกนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนมากกว่าการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ
๔.โดยเจตนาสุจริตขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจึงมีความจำเป็นต้องเดินรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนเพราะข้อมูลพลังงานมีความซับซ้อนอีกทั้งบริษัทน้ำมันและข้าราชการกระทรวงพลังงานมักจะให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนรอบด้านต่อประชาชนเพื่อแสดงต่อคสช. คณะรัฐบาลและสภาปฏิรูปเห้นว่าข้อเสนอการปฏิรูปดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์โดยแท้ของประชาชนทั้งนี้จากข้อมูลและการรับฟังความเห็นของประชาชนเราขอเสนอประเด็นการปฏิรูปพลังงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติของผู้มีส่วนรับผิดชอบดังนี้
(๑)เพื่อประเทศได้ประโยชน์สูงสุดขอให้เปลี่ยนระบบสัมปทานปิโตรเลียมเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตซึ่งได้พิสูจน์จากนานาประเทศว่าจะทำให้ประเทศได้ความเป็นเจ้าของปิโตรเลียมคืนมา
(๒)ขอให้จัดตั้งบริษัทแห่งชาติเพื่อควบคุมปิโตรเลียมให้ประชาชนใช้ก่อนในราคาที่เป็นธรรม
(๓)ขอให้มีการแบ่งพื้นที่ปิโตรเลียมและพื้นที่ผลิตอาหาร/การท่องเที่ยวอย่างชัดเจนเพื่อการพัฒนาที่สมดุล
(๔)เพื่อความปลอดภัยทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพขอให้ปลดโรงไฟฟ้าถ่านหินจากแผนผลิตพลังงานไฟฟ้าดังที่นานาประเทศกำลังปฏิบัติ
(๕)เพื่อความมั่นคงด้านพลังงงานไฟฟ้าและประชาชนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของการผลิตไฟฟ้าได้ขอให้ผลักดันกฎหมายพรบ.พลังงานหมุนเวียนโดยเร็ว
๕.การเดินรณรงค์ดังกล่าวหัวใจสำคัญคือการให้ความรู้และสนับสนุนการปฏิรูปโดยดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗มาตรา๓ที่ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยมาตรา๔ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคบรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนี้การเดินรณรงค์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติราชบัลลังก์เศรษฐกิจของประเทศหรือราชการแผ่นดินตามที่ระบุในมาตรา๔๔ในรัฐธรรมนุญฉบับนี้รวมทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยตามการประกาศกฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.)
๖. สงบสันติอหิงสา
ด้วยคารวะจิต
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน
๙โมงเช้า๑๙สิงหา๕๗
หอนาฬิกาเทศบาลหาดใหญ่จ.สงขลา
#######################################################