เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ภาคประชาชนในนาม“ขาหุ้นปฎิรูปพลังงาน” ยังคงเดินเท้าอีกครั้ง ภายหลังจากที่สมาชิกจำนวน 11 คนถูกตำรวจและทหารเชิญตัวไปไว้ในค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื่องจากต้องการให้ยุติกิจกรรมรณรงค์ปฏิรูปพลังงานที่มีแผนจะเดินจากอำเภอหาดใหญ่ไปยังกรุงเทพฯ แต่ภาคประชาชนไม่ยอมและยืนยันหลักการเดิมที่ให้มีการปฏิรูประบบพลังงานและไม่เอาโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมวันที่ 3 นี้ได้แยกกระจายตัวกันออกไป บางส่วนเข้าไปในค่ายเสนาณรงค์ เพื่อเยี่ยมเพื่อนที่ถูกควบคุมตัว ขณะที่บางคน เช่น ศิลปินคู่สามี-ภรรยา ที่ชื่อตุด นาครและบัวอิสสระ ได้ออกเดินเท้าเมื่อเวลา 08.30 น.โดยเริ่มต้นตั้งแต่สุดท้ายซึ่งสมาชิก 11 คนถูกจับคือบริเวณปั้มน้ำมันพีแอนด์ซี ปิโตเลียมสาขารัตภูมิ
“เรายังคงยืนยันหลักการเดิมที่ให้มีการปฏิรูปพลังงาน แม้ตอนนี้จะเดินกัน 2 คนก่อน แต่เชื่อว่าหากพี่น้องได้ข่าวก็คงมาร่วมสมทบ เราหวังว่าจะเอาธงปฏิรูปพลังงานไปปักที่เมืองนครศรีธรรมราชให้ได้”บัวอิสสระ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า ภายหลังการจับกุมผู้ประสานงานของเครือข่ายภาคประชาชน 11 คน ได้มีการประชุมคนทำงานด้านปฏิรูปพลังงานในเครือข่าย และเห็นว่ายังคงเดินหน้าเคลื่อนไหวกันต่อไป แต่อาจขับเคลื่อนในลักษณะดาวกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ส่วนการเดินเท้านั้น ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและความพร้อมของแต่ละคน ซึ่งอาจมีการเดินเท้าในเชิงสัญลักษณ์ก็ได้
ขณะเดียวกัน ในวันเดียวกันนี้เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “สนับสนุน”เดิน” หน้าปฏิรูปพลังงานของเครือข่ายขาหุ้น ปฏิรูปพลังงานมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ได้กระทำการควบคุมตัวแกนนำเครือข่ายขาหุ้น ปฏิรูปพลังงาน ซึ่งกำลังเดินเท้ารณรงค์ “เดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ” เรียกร้องการปฏิรูประบบพลังงาน ในข้อหาว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศนั้น
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ เห็นว่าการเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯของเครือข่ายฯ มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การสื่อสารกับสังคมให้เข้าร่วมปฏิรูประบบพลังงาน สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นธรรม รวมถึงเป็นการณรงค์สร้างจิตสำนึกและการรับรู้ของสาธารณชนต่อระบบพลังงานและการพัฒนาที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและ บิดเบือนข้อมูลและความจริงมาอย่างยาวนานในสังคมไทย มิได้เป็นการกระทำที่เข้าข่ายการชุมนุมทางการเมืองตามกฎอัยการศึกแต่อย่างใด
ดังนั้นการควบคุมตัวแกนนำ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายฯ รวมทั้งการขัดขวาง ยับยั้งกิจกรรมดังกล่าว จึงถือเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน อีกทั้งยังขัดกับหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนสากล เป็นการทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของนานาอารยะประเทศโดยแท้
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ จึงขอเรียกร้องว่า
1. “เจตนาอันบริสุทธิ์ของพลเมือง” ในนามเครือข่ายขาหุ้น ปฏิรูปพลังงาน จะต้องได้รับการคุ้มครองอย่างแข็งขันจากผู้มีอำนาจสูงสุดในปัจจุบัน และต้องแสดงเจตนาให้มั่นใจได้ว่าเครือข่ายฯจะสามารถใช้สิทธิ เสรีภาพ “เดินหน้า” สู่การปฏิรูปพลังงาน การพัฒนาที่ยั่งยืน และการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ต่อไปได้
2. ยกเลิกการควบคุมตัวแกนนำและผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งยุติการกระทำที่เป็นการข่มขู่ คุกคาม ประชาชน ที่แสดงเจตนาอันบริสุทธิ์เรียกร้องการแก้ไขปัญหา การพัฒนาประชาธิปไตยที่ยั่งยืนสำหรับสังคมไทย เพราะการกระทำการดังกล่าวของเครือข่ายฯและกลุ่มพลังประชาชนคือรากฐานที่สำคัญของการปกป้อง และสถาปนาประชาธิปไตยที่มั่นคงอย่าง “อารยะ” สำหรับสังคมไทย
3. หากการกระทำข้างต้นได้รับการปฏิเสธ เพิกเฉย เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ ขอเรียกร้องให้ประชาชนและกลุ่มพลังทางสังคมออกมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในรูปแบบต่างๆ โดยไม่หวาดหวั่นใดๆ ต่ออำนาจอันไม่ชอบธรรมนี้
ทั้งนี้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ ขอยืนยันว่าการใช้อำนาจ โดยปราศจากความชอบธรรม ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่รุมเร้าสังคมไทย หากยังจะนำไปสู่บรรยากาศแห่งความรุนแรง ความเกลียดชังที่ถมทับทวีสังคมไทยอย่างไม่สิ้นสุด ผู้มีอำนาจสูงสุดในปัจจุบันควรใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับเครือข่ายและกลุ่มพลังทางสังคมผลักดันการปฏิรูปสังคมไทยทั้งระบบต่อไป
Post Views: 84