เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 การเดินเท้าของสมาชิกขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเพื่อรณรงค์ให้มีการปฏิรูประบบพลังงาน ยังคงเดินหน้าต่อเป็นวันที่ 4 แม้สมาชิกของเครือข่าย 11 คนจะถูกทหารควบคุมตัวอยู่ในค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึก โดยในวันนี้เริ่มต้นเดินจากตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยระหว่างทางเดินได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงได้เดินทางมายังขบวนเดินเท้าและพยายามเจรจาให้ยุติการเดิน
นางสาวธัญกมล อิสระ หรือบัว อิสสระ แฟนของตุด นาคร ศิลปินเพื่อชีวิตที่เดินเท้าอยู่ในขณะนี้ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้อยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์อัยการศึก
“เราตั้งใจว่าจะเดินจนถึงบ้านตามที่ตั้งใจไว้ แต่เรื่องการทำนอกเกณฑ์อัยการศึกนั้น เรายืนยันว่าไม่ได้ทำอไรผิด มีน้องและแฟนคลับพี่ตุดมาให้กำลังใจแวะกินข้าว แวะเอาของฝากมาให้และร่วมเดินบางช่วงเท่านั้น พี่ตุด ยังคงเดินคนเดียว เราเห็นใจแฟนมากเขาทำกิจกรรมอย่างสงบ ทหารและตำรวจ แม้กระทั่งนักปกครองแบบรองผู้ว่าฯ ก็ยังไม่เคยไว้ใจให้มีส่วนในสังคม” นางสาวธัญกมล กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ตุดนาครเดินเท้าอยู่นั้น ทางเครือข่ายแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ได้เดินทางมาเยี่ยมนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ และคณะเดินเท้าอีก 10 คนที่ถูกควบคุมตัว โดยผู้มาเยี่ยมระบุว่าทางทหารยินดีให้เข้าพบแต่ต้องรอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเจรจาร่วมทีมเดินเท้าก่อน
ขณะที่ภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆภาคใต้ อาทิ ปัตตานี สุราษร์ธานี ชุมพร สตูล ได้มีการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้มีการปล่อยตัวสมาชิกขาหุ้นปฏิรูปพลังงานที่ถูกควบคุมตัว
ทั้งนี้ในเฟสบุคของนายอานนท์ วาทยานนท์ แกนนำภาคประชาชนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฯ ระบุว่า ภาคประชาสังคมในจังหวัดสุราษฎร์ธานีประชุมลงความเห็นว่า ทหารใช้อำนาจเกินขอบเขต กรณีจับกุมผู้เดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงาน เพราะการเดินรณรงค์ให้มีการปฏิรูประบบพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องของความเดือดร้อน เรื่องปากท้องและความไม่เป็นธรรมจากระบบพลังงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน. ซื่งมิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความแตกแยกแบ่งข้าง หรือมีการเมืองแอบแฝงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลุ่มผู้เคลื่อนไหวล้วนมีเจตนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ กับชาติบ้านเมืองในวิถีทางประชาธิปไตยที่มีธรรมะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง
เฟสบุคของนายอานนท์ระบุด้วยว่า ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของภาคประชาชนในการเดินครั้งนี้ทหารควรใช้ดุลย์พินิจในการสั่งห้ามประชาชน เพราะการที่บ้านเมืองจะก้าวพ้นไปจากความขัดแย้งแบ่งข้างได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่คำสั่งให้ทำหรือไม่ทำอะไร หากแต่อยู่ที่การขจัดความไม่เป็นธรรมที่มีอยู่ในสังคมไทยให้หมดไป จึงมีมติร่วมสร้างกิจกรรมเสริมกับ”ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน”ต่อไปทั้งการจัด กิจกรรมการตื่นรู้ของผู้คนในตัวเมืองและการเดินให้ความรู้กับประชาชนในรูป แบบใหม่
ขณะเดียวกันเครือข่ายภาคประชาชน 57 องค์กรทั่วประเทศได้ร่วมกันออก แถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ผู้นำในการรณรงค์เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปพลังงาน หรือ ผู้นำขาหุ้นปฏิรูปพลังงานรวม 11 ราย ถูกจับกุมขณะเดินเท้าในกิจกรรมการรณรงค์ปฏิรูปพลังงานจากจ.สงขลา สู่กรุงเทพมหานคร โดยทั้งหมดถูกจับขังตามอำเภอใจไว้ในค่ายเสนาณรงค์ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา ด้วยข้อหาการชุมนุมในที่สาธารณะมากกว่า 5 คน ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎอัยการศึก ในขณะที่ผู้นำที่เหลืออีก 4 คนยังคงเดินเท้ารณรงค์ต่อไปนั้น เราขอชี้แจงให้ทราบว่า การเดินเท้าเพื่อปฏิรูปพลังงานครั้งนี้ เป็นกิจกรรมรณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานให้แก่ประชาชนของกลุ่มผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยเรียกร้องให้ภาคพลังงานให้ข้อมูลที่จำเป็น ครอบคลุม และครบถ้วน ตามความต้องการของประชาชน มิใช่เพียงการรับทราบข้อมูลที่ถูกป้อนโดยรัฐเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วมตัดสินใจในนโยบายหรือกิจกรรมที่สำคัญของประชาชนอย่างแท้จริง
ในแถลงการณ์ระบุว่า กิจกรรมรณรงค์การเดินเท้าของผู้นำขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเป็นการรณรงค์อย่างสันติและไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่เป็นการคุกคามต่อสันติภาพและความสงบของประเทศ การเดินเท้าจึงไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้ ด้วยมิได้เป็นการกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายต่อสาธารณะ โดยผู้ร่วมในกิจกรรมรณรงค์นี้มาด้วยวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ข้อมูลและแสดงเจตจำนงของตนโดยการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปพลังงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ผ่านการเดินเท้าเท่านั้น
ในแถลงการระบุด้วยว่า ขอเน้นย้ำว่ามาตรการฉุกเฉินต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในกรณีที่อาจจะละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี บัญญัติว่า “มาตรการใดๆ ของรัฐอาจจำกัดบางสิทธิเท่าที่จำเป็นอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ” และการเดินเท้าของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานก็ไม่มีทางที่จะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้เลย ดังนั้นเราจึงเห็นว่าการกักขังตามอำเภอใจของผู้รณรงค์เดินเท้าเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรากสิทธิในการเคลื่อนไหวอย่างเสรีและการดำเนินกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ การกักขังบุคคลด้วยเจตนาที่ดีและสร้างสันติเพื่อให้ความรู้แก่สาธารณะจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิ อิสรภาพอย่างร้ายแรงและเกินขอบเขต ซึ่งกติกาดังกล่าวได้รับการรับรองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
แถลงการณ์ระบุว่า ในการนี้เราจึงขอเรียกร้อง คสช. ให้มีคำสั่งให้ปล่อยตัว 11 ผู้นำขาหุ้นปฏิรูปโดยทันทีและโดยปราศจากเงื่อนไข ดังมีรายนามดังต่อไปนี้ 1. น.ส.กรรณิกา แพรแก้ว 2. น.ส.วิลัยพร โกไสยกานนท์ 3. นายประสิทธิชัย หนูนวล 4. นายศักดิ์กมล แสงดารา 5. นายสุวิทย์ ทองย้อย 6. นายอนุพล คงเอียด 7. นายเชภาดร จันทร์หอม 8. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ 9. นายสิทธิพงศ์ สังข์เศรษฐ์ 10. ว่าที่ ร.ต.พร้อมศักดิ์ จิตจำ 11. นายเอกสิทธิ์ เบญจสุตะณรงค์
—————————
อนึ่ง เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาสังคม 57 องค์กร ประกอบด้วย 1. มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ 2. มูลนิธิศักยภาพชุมชน 3. ศูนย์ข้อมูลชุมชน 4. สมาคมผู้บริโภคสงขลา 5. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 6. เครือข่ายผู้บริโภค จ.สุราษฎร์ธานี 7. เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ 8. สมาคมประชาสังคมชุมพร 9. เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง 10. เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง ๗ จังหวัดภาคอีสาน
11. สมาคมรักษ์ทะเลไทย 12. เครือข่ายทุ่งตำเสารักษ์ถิ่น 13. สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
14. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ15. เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือ 16. กลุ่มออมทรัพย์นักพัฒนาภาคเหนือ17. กลุ่มออมทรัพย์นักพัฒนาภาคใต้ 18. เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น 19. เครือข่ายรักบ้านเกิดท่าศาลา 20. คณะทำงานโลกเย็นที่เป็นธรรม
21. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ 22. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ 23. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน 24. คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน 25. โครงการประมงพื้นบ้านสัตว์น้ำอินทรีย์
26. สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กจังหวัดระยอง 27. เครือข่ายพลเมืองสงขลา 28. เครือข่ายผู้เป็นเจ้าของแร่แห่งประเทศไทย 29. เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีสาน 30. ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ(ศสส.) 31. ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม 32. กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา 33. ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.) 34. โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ 35. โรงเรียนสิทธิชุมชนเขาคูหา 36. มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ 37. สภาประชาชนรัตภูมิ-ควนเนียง จ.สงขลา 38. มูลนิธิสิทธิชุมชนสงขลา 39. เครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน 40. เครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย-พงัน-เกาะเต่า
41. กลุ่มครอบครัวเข้มแข็ง อ.จะนะ จ.สงขลา 42. โครงการทามมูล 43. เครือข่ายพิทักษ์ชุมชน จ.ตรัง 44. โครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ 45. สมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี 46. สถาบันจัดการระบบสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 47. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ)48. ศูนย์พลเมืองเด็ก 49. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ 50. กลุ่มคนรักษ์บ้านแหง จ.ลำปาง 51. เครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ 52. Asia Pacific Forum on Women , Law and Development (APWLD) 53. GABRIELA National Alliance of Filipino Women, Philippines 54. Suara Rakyat Malaysia (SUARAM), Malaysia 55. Protection International 56. Asia-Pacific Solidarity Coalition (APSOC) 57. MARUAH, Singapore
ในวันเดียวกัน ชมรมแพทย์ชนบทได้ออกแถลงการณ์ให้ปล่อยตัวนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ สมาชิกขาหุ้นปฎิรูปพลังงานโดยเร็ว โดยระบุว่า
ตามที่นพ. สุภัทร ลอดจนแกนนำและสมาชิก “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ได้เดินรณรงค์อย่างสงบเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องปลุกจิตสำนึกของคนในชาติให้ช่วยคสช. ในการปฏิรูปพลังงาน เพราะตระหนักดีว่าปัญหาเรื่องพลังงานนั้น ซับซ้อน เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทั้งของคนในชาติ คนแดนไกล และต่างชาติ ลำพัง คสช.เพียงฝ่ายเดียวจึงยากที่จะปฏิรูปเรื่องนี้ได้สำเร็จ ฉันทามติของคนไทยเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเช่นนี้ได้
แถลงการณ์ระบุว่า ตลอด 2 เดือนภายใต้คสช. ที่ได้มีการตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ขึ้น สะท้อนว่าคสช.ยังต้องได้รับแรงหนุน แรงสะท้อนจากคนไทยที่รักชาติอีกมาก จึงจะสามารถปฏิรูปพลังงาน ซึ่งเป็นประเด็นเรียกร้องหนึ่งที่มวลมหาประชาชนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และคาดหวังว่าเรื่องการปฏิรูปพลังงาน น่าจะเป็นประเด็นที่ คสช.ต้องการให้มีการปฏิรูปเช่นกัน
แถลงการณ์ระบุว่า เพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติของชาติ อันจะนำไปสู่การปลดเปลื้องความทุกข์ของคนไทยในหลายปีที่ผ่านมาและคืนความสุขให้คนไทยได้อย่างแท้จริง จึงชัดเจนว่าการเดินรณรงค์ครั้งนี้มิได้เป็นการต่อต้าน คสช.แต่อย่างใด ไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่กลับเป็นการหนุนเสริมการปฏิรูปพลังงานเพื่อคืนความสุขให้คนไทยตามนโยบายของคสช. แต่น่าเสียดายที่การเดินรณรงค์หนุนเสริมคสช.อย่างสงบครั้งนี้กลับถูกทหารจากค่ายเสนาณรงค์ ควบคุมตัวไว้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 โดยอ้างว่าฝ่าฝืนกฎอัยการศึกนั้น
แถลงการณ์ระบุว่า นพ. สุภัทรเป็นแพทย์ชนบทที่ทำงานดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่อำเภอจะนะ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานร่วม 20 ปี เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นเสียสละ กล้าหาญ และรักความเป็นธรรม เป็นที่ชื่นชม เป็นแบบอย่างของน้องๆแพทย์ชนบทใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ น้อมนำนโยบาย เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ทำให้ถึงแม้จะเป็นไทยพุธแต่ก็สามารถเข้าถึง เข้าใจพี่น้องมุสลิม จนสามารถพัฒนางานบริการสาธารณสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้ความขัดแย้งได้อย่างโดดเด่นชัดเจน
แถลงการณ์ระบุว่า นอกจากนี้นพ.สุภัทรยังได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมมาโดยตลอด ทั้งการพูด, เขียน, อภิปราย ฯลฯ อย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการปฏิรูปพลังงานก็เกิดจากการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภายหลังจากการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซียที่อำเภอจะนะ ที่มีผลกระทบต่อคนในพื้นที่ คนในชาติด้านสุขภาพ และด้านอื่นๆอย่างมากมาย จึงร่วมกับประชาชนในพื้นที่ต่อสู้กับนายทุนข้ามชาติและระบบทุนนิยมมาโดยตลอด จนล่าสุดรวมตัวเป็น “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ชมรมแพทย์ชนบทจึงเห็นว่าสิ่งที่นพ.สุภัทร ตลอดจนสมาชิก”ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” เดินรณรงค์มิใช่เป็นการต่อต้านคสช. แต่ต้องการสะท้อนความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งต่อคสช. ในบรรยากาศแห่งการปรองดองสมานฉัน คสช. จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการ’แยกมิตรและศัตรู’ให้ออก ชมรมแพทย์ชนบทจึงขอเรียกร้องดังนี้
1.ขอให้ทบทวนมาตรการการกักกันและควบคุมตัว สมาชิก “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ทุกคนโดยเร็ว เพื่อให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนโดยเร็วและเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนและต้องการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิเสรีภาพและความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ต่อไป
2.ขอให้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เปิดเวทีให้ แกนนำ”ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ตลอดจนนักวิชาการได้เป็นผู้ชี้แจงกับประชาชน เพื่อให้เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ อันจะนำไปสู่ฉันทามติของคนในชาติ และหนุนเสริมการทำงานของ คสช. สปช. สนช.และรัฐบาลต่อไป โดยเร็ว