เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูลเปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีประกาศให้จัดระเบียบที่ดินเกาะหลีเป๊ะและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิการครอบครองที่ดินบนเกาะ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ขณะนี้พบว่ามีผู้กระทำผิดแจ้งเอกสารการครอบครองที่ดินโดยการเปลี่ยนแปลงเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 8 ราย โดยอุทยานฯได้ส่งคดีความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินคดีในชั้นศาลแล้ว
นายปณพลกล่าวว่า บางรายพบว่า การชี้จุดรังวัดไม่ตรงกับเอกสารสิทธิ์ที่มีอยู่ บางรายถือเอกสารสิทธิ์ที่แปลงจาก “สค.1” 50 ไร่ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น นส. 3 พบมีที่ดินเกินมาเป็น 80 ไร่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ใช้อำนาจ คสช.สั่งให้เจ้าของที่ดินที่ปลูกสร้างที่พักบนเกาะรื้อถอนภายใน 15 ตุลาคม ทั้งนี้พื้นที่เกาะหลีเป๊ะมีที่ดินทั้งหมด 1,250 ไร่ โดยยังพบการกระทำผิดเรื่องซื้อขายที่ดินผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางอุทยานฯรับอำนาจ คสช.เพื่อเร่งตรวจสอบที่ดินในภาคเอกชนต่อไป
นายปณพล กล่าวด้วยว่า นอกจากสถานการณ์การออกเอกสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ยังพบการบุกรุกพื้นที่เพื่อเพาะปลูกพืชต่างๆบนเกาะหลีเป๊ะและอาดังด้วย โดยเมื่อเร็วๆนี้อุทยานฯ ได้สั่งรื้อถอนทั้งหมด 2 ราย ในข้อหาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ อย่างไรก็ตามขณะนี้อยากเตือนให้ประชาชนทั้งในชุมชนปาดักและเอกชน ควรระงับการก่อสร้างอาคารเสียก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบ สำหรับผู้ที่อ้างเอกสารสิทธิที่ถูกต้องก็เร่งแจ้งจุดรังวัดให้สำนักที่ดินและอุทยานฯ รับทราบ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่นายรัชฐพนธ์ ณ อุบล นายอำเภอเมืองสตูล กล่าวว่า หลังจากได้มีการตรวจสอบสิทธิการครอบครองที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะแล้วพบว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและนายทุน ตลอดจนเรื่องร้องเรียนเริ่มลดลง หลังจากที่ผ่านมีชาวบ้านเข้ามาฟ้องร้องนายทุนกรณีออกใบแจ้งเตือนให้รื้อถอนที่อยู่อาศัยมากถึง 5 ราย แต่ภายหลังมีมาตรการจัดการที่ดินที่เข้มงวดปัญหาก็เริ่มเบาบางลง ถือว่าเป็นสัญญาณในการจัดการที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะที่ดี
เมื่อถามว่ากรณีมีชาวบ้านบางรายถูกข่มขู่และคุกคามสิทธิในการอยู่อาศัยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายรัชฐพลกล่าวว่า ยังไม่เคยมีประชาชนมาร้องทุกข์กรณีถูกข่มขู่ แต่เพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างกัน อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคือ นายทุนและชาวบ้าน รอระยะเวลาในการปฏิบัติการของ คสช.เพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในเสร็จสิ้น ซึ่งหากมีผู้ใดทุจริตเรื่องที่ดินจริงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะรายหนึ่งเล่าว่า ภายหลังจากชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะเริ่มออกมาให้ข้อมูลต่อสังคมกรณีที่ถูกโกงที่ดินและถูกขับไล่ จนกระทั่งมีการร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีและคสช. จนกระทั่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชาวเลซึ่งมีพลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน ปรากฏว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการต่างร้อนตัว และมีการข่มขู่ชาวบ้าน โดยในส่วนของนางเรณู ทะเลมอญ ชาวอุรักลาโว้ยซึ่งกำลังถูกไล่ที่และสร้างกำแพงปิดทางขึ้น-ลงชายหาดและทะเล ได้ถูกข่มขู่จะทำร้ายหากมีการถ่ายภาพคนงานที่กำลังสร้างกำแพงปิดทางสาธารณะลงทะเล นอกจากนี้ยังมีหนังสือจากอำเภอให้นางเรณูไปพบพนักงานสอบสวน ภายหลังจากที่นางเรณูให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีถูกไล่รื้อ
ข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้นายพีรพัฒน์ เงินเจริญ ปลัดอำเภอเมืองสตูล ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูงานบนเกาะหลีเป๊ะ และเคยเดินทางร่วมกับชาวบ้านมาให้ข้อมูลสถานการณ์บนเกาะหลีเป๊ะที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้นายทุนซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะสูญเสียผลประโยชน์ และล่าสุดมีการกดดันให้ผู้บังคับบัญชาของนายพีรพัฒน์ เปลี่ยนตัวผู้ที่ดูแลงานเกาะหลีเป๊ะแล้ว โดยขณะนี้มีคำสั่งของผู้บริหารฝ่ายปกครอให้ปลัดอีกคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทน
