เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2557 พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธานณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานราชการ ชาวบ้านและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ว่า นอกจากให้ชาวเลไปทำแผนที่ทำมือแล้ว ได้ขอให้ทางอำเภอเร่งหารือกลุ่มย่อยกับสำนักงานที่ดินและผู้ประกอบการ โดยประชุมครั้งต่อไปจะขอดูข้อมูลของอำเภอว่ามีแนวทางใดบ้าง
พลเอกสุรินทร์กล่าวว่า ที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะมีจำนวนมากพอให้ชาวเลอาศัยอยู่อาศัย หลักการคือหาทางให้ผู้ประกอบการมีความเอื้อเฟื้อ และเข้าใจบริบทสังคมของชาวเลบ้าง ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งระหว่างภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภาครัฐกับชาวบ้าน และขอให้แนวทางการดำเนินการแก้ปัญหาเป็นไปใต้ความยุติธรรม อย่างไรก็ตามอยากให้เร่งรัดทำแผนที่ทำมือให้แล้วเสร็จ จากนั้นเมื่อจะประสานงานให้อุทยานแห่งชาติตะรุเตารายงานเอกสารรูปลอย การอ้างกรรมสิทธิ์ไม่ชอบธรรม หรือตรวจรังวัดแล้วไม่พบตามกล่าวอ้าง โดยนำมาพูดคุยด้วยกันก็อาจใช้วิธีขอเปิดโต๊ะร่วมกับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเชื่อมโยงการจัดระเบียบเพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแตกแยกแต่ต้องการให้เกาะหลีเป๊ะเดินหน้าไปพร้อมกันจะพัฒนาทางใดประชาชนต้องมีส่วนร่วมเท่านั้น
“ผมอยากให้เข้าใจว่า เราใจร้อนไม่ได้ ทหารก็จะจัดระเบียบแบบระยะสั้นไม่ได้ เราต้องทำช้าๆ ในการประชุมเมื่อวันที่ 11 กันยายน มีตัวแทนชาวเลขอพื้นที่เรื่องการหาที่ฝังศพ หรือสุสานแบบรวมทั้งชุมชน คือไม่อยากแยกฝังครอบครัวของใครของมัน เราคิดว่าที่ดินเกาะหลีเป๊ะไม่ได้แออัดเหมือนกับหาดราไวย์และไม่มีนายทุนแบบผูกขาดรายใดรายหนึ่ง เหมือนพีพี และราไวย์ แต่นายทุนมีหลายมือ แถมที่ดินแบบใบแจ้งครอบครองที่ดินหรือส.ค.1 ก็ครอบคลุมบ้านหลายหลังดังนั้น หากผลประโยชน์ของนายทุนลงตัว คิดว่าจะจัดการปัญหาไม่ยากนัก สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้คนเกาะหลีเป๊ะ เป็นกลุ่มก้อน ไม่แตกแยกไม่ขัดแย้ง พวกเขาต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อที่ดินในการอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อการเอาที่ดินไปแปลงเป็นเงิน” พล.อ.สุรินทร์ กล่าว
ข่าวแจ้งว่าภายหลังจากมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชาวเลฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ได้มีความเคลื่อนไหวจากผู้ประกอบการในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ โดยมีการล่ารายชื่อชาวบ้านเพื่อยื่นถึงคสช.ให้ปลดหรือย้ายนายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กรณีที่ได้มีการสำรวจขอบเขตที่ดิน ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากแจ้งเอกสารสิทธิอันเป็นเท็จ โดยเฉพาะเจ้าของที่ดินรายใหญ่ที่ทำเอกสาร “บวม” ทำให้มีพื้นที่ครอบครองมากกว่าของจริงหลายสิบไร่ นอกจากนี้ผู้ประกอบการบางส่วนยังแอบอ้างชื่อชาวเล เพื่อใช้ชื่อในเอกสารสิทธิ์และให้เงินบางส่วนเป็นค่านายหน้า
ด้านนายปณพล ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยินข่าวเรื่องการล่ารายชื่อปลดหรือย้านตนเช่นกัน แต่ไม่รู้กังวลอะไรกับการถูกโยกย้าย เชื่อว่าเป็นเพราะนายทุนบางรายไม่พอใจที่มีการตรวจสอบเรื่องเอกสารสิทธิ์ แต่ตนทำงานตามคำสั่งของ คสช.ดและเชื่อว่า ไม่ว่าใครเข้ามาดูแลเกาะหลีเป๊ะ หากมีความซื่อสัตย์จริงก็ต้องทำหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย ย่อมมีบ้างที่ขัดแย้ง โดยอดีตขณะตนดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอุทยานฯ นั้นเคยถูกชาวบ้านส่งจดหมายไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเมื่อปี 2551 -2552 แต่ผลพิสูจน์ว่าดำรงหน้าที่โดยชอบ จึงไม่ถูกปลดตามข้อกล่าวหา
นายปณพลกล่าวว่าในปีนี้ คสช.เร่งรัดเรื่องการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ทำให้อิทธิพลในพื้นที่จึงเริ่มก่อตัวอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่ามีที่ดินหลายแปลงที่พบว่า มีการครอบครองส.ค.1 แต่ไม่ปรากฎชื่อชาวบ้านรายใดหรือนายทุนรายใดมาแจ้งสิทธิ์ ซึ่งคาดว่าอาจจะมีที่บางแปลงเป็นที่ทับซ้อนผ่านการออกน.ส.3 มาแล้ว โดยหากกลุ่มนี้มาแจ้งการครอบครองรูปแบบ ส.ค 1 ก็เท่ากับว่าแจ้งซ้ำซ้อนที่เอกสารสิทธิ์รายอื่น เป็นที่แน่ชัดว่าไม่โปร่งใส คาดว่าหากมีการล่ารายชื่อปลดจริงอาจเป็นเพราะผลประโยชน์เรื่องนี้