เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม มีรายงานข่าวจากอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูลว่า ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ผู้บริหารอุทยานฯพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือของกองทัพเรือในฐานะคณะทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะร่วมกันลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อติดตามปราบปรามและจับกุม ผู้บุกรุกที่ดินในบนเกาะหลีเป๊ะ โดยก่อนหน้านี้ทางอุทยานฯร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบและรังวัดที่ดินบนเกาะแห่งนี้ซึ่งพบว่า มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งจัดทำเอกสารสิทธิ์ปลอม เช่น ทำนส.3 บิน-บวม
“รีสอร์ทบางแห่งรุกที่สาธารณะชัดเจน ยกตัวอย่างรีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่งบนเกาะหลีเป๊ะ ได้เช่าที่ดิน 10 ไร่ซึ่งเจ้าของติดคุกอยู่ เขาไปบุกรุกที่สาธารณะเพิ่มอีก 5 ไร่ ซึ่งทางอุทยานฯได้ขออำนาจศาลในการพาตัวเจ้าของที่ดินซึ่งติดคุกอยู่มาชี้แนวเขต ทำให้มีหลักฐานการบุกรุกชัดเจน” แหล่งข่าว กล่าว และว่าขณะนี้ผลการตรวจสอบออกมาแล้ว แต่ผู้ประกอบการบางส่วนพยายามดิ้นรนร้องเรียนเพราะกลัวสูญเสียผลประโยชน์โดยได้มีการวิ่งเต้นไปยังผู้มีอำนาจ เพื่อขอให้ยุติการตรวจสอบ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานถูกกดดันอย่างหนัก
ด้านนายจรัญ สุวรรณรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองจังหวัดสตูลในฐานะ คณะทำงานของจังหวัดสตูลกล่าวว่า ในส่วนของเอกชนที่มีการบุกรุกพื้นที่นั้น ต้องปล่อยให้อุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดเพื่อการสืบสวน สอบสวนและจับกุม ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ส่วนของจังหวัดและอำเภอนั้น ตนได้รับมอบหมายจากนายอำเภอและ ได้รับการประสานงานจากพลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล ให้ช่วยประสานงานการลงพื้นที่ของคณะวิจัยจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสอบถามประวัติชุมชน และจะต้องเร่งรัดให้เสร็จภายใน 14 ธันวาคม 2557 เพื่อจะได้ใช้ข้อมูลในการพิสูจน์ความจริง กรณีที่ชุมชนชาวเลเกิดข้อพิพาทเรื่องนายทุนรุกที่ทำกินบนเกาะหลีเป๊ะ ส่วนขั้นตอนการต่อสู้ในอนาคตจะเป็นอย่างไรอาจจะมีการหารือเพิ่มเติม
ด้านนายธนายุ เศรีอำภรณ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล กล่าวว่า หลังจากที่ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมม(ทส.) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเกาะหลีเป๊ะ และได้ประชุมเรื่องการจัดการขยะบนเกาะตามที่ชาวบ้านในพื้นที่ มีการร้องเรียนมานั้น ขณะนี้ความคืบหน้าดังกล่าว อบต.ได้ประสานไปยังเอกชนที่รับขนขยะและกำจัดขยะให้มีการเร่งระบายขยะออกจากเกาะหลีเป๊ะภายใน 2 วัน จากเดิมระยายในช่วงเวลา 3 –4 วัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นรบกวนชุมชน ซึ่งผู้ประกอบการก็ได้รับปากจะดำเนินการโดยเร็ว
นายธนายุกล่าวว่า ปัญหาขยะบนเกาะหลีเป๊ะยากที่จะจัดการมาก เพราะนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะนี้อบต.ได้ใช้งบประมาณสำหรับการจัดการขยะประมาณ 6.1 ล้านบาทต่อปี และจ่ายเงินเช่าสถานประกอบการเพื่อการขนขยะผ่านประมาณปีละ 2 ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากงบกลาของอบต.และอีกบางส่วนมาจากการเก็บจากผู้ประกอบการ ชาวบ้าน ซึ่งเริ่มเก็บเมื่อประมาณ กลางปี 2557 ตามกฎหมายสาธารณสุข เริ่มต้นที่เดือนละ 20 บาทสำหรับชาวบ้านทั่วไป และสำหรับผู้ประกอบการนั้น เก็บเพิ่มตามขนาดของธุรกิจในพื้นที่
“ปัญหาเรื่องการขยะ บนเกาะหลีเป๊ะนั้นเป็นปัญหาที่มีมานาน เมื่อแรกย้ายเข้ามารับตำแหน่งตอนมีนาคม 2557 ต้องเผชิญกับปัญหาขยะตกค้างประมาณวันละ 10 ตัน และใช้เวลากำจัดประมาณ 4.5 เดือน เพราะไม่มีงบประมาณในการระบายขยะ จึงต้องมาออกกฎระเบียบเก็บเพิ่มจากคนในพื้นที่ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา” นายธนายุ กล่าว
ปลัดอบต.เกาะสาหร่ายกล่าวด้วยว่าปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้เรื่องการจัดการขยะ คือ ขอขยายเส้นทางในการขนส่งขยะไม่ได้ เพราะมีผู้ประกอบการจับจองหน้าทะเลหลายแห่ง ซึ่งต้องเรียกประชุมผู้ประกอบการเพื่อใช้พื้นที่ ขณะที่พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเต่าทางอบต.ก็พยายามจะเจรจาขอใช้เส้นทางทั้งทางบกและทางน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้การขนขยะเป็นไปอย่างสะดวกและไม่ส่งกลิ่นรบกวนชุมชน ทั้งนี้การจัดการขยะบนเกาะหลีเป๊ะ ทางภาคเอกชนที่รับประมูลการลำเลียงขยะ ขนไปที่อำเภอละงู เพื่อกำจัดและบางส่วนแบ่งไปทำก๊าซชีวภาพใช้ในชุมชน โดยส่วนตัวมองว่า การแก้ปัญหาอีกอย่าง น่าจะต้องมีการวางกรอบระเบียบการท่องเที่ยว ให้จำนวนคนสอดคล้องกับการอำนวยความสะดวกเรื่องสาธารณูปโภคมากกว่านี้ และอาจอนาคตอาจจะขอเจรจาเรื่องการลดปริมาณขยะกับผู้ประกอบการ เน้นการท่องเที่ยวเชิงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
////////////////////////




