เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายจำนง จิตนิรัตน์ ที่ปรึกษาเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฎิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 3 หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ซึ่งประกอบด้วยกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช(อท.) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ประกาศยุทธการทวงคืนผืนป่าทั่วประเทศพร้อมกันในวันที่ 14 มกราคมว่า เห็นด้วยหากมีการวางเป้าหมายไปที่นายทุนซึ่งบุกรุกพื้นที่จำนวนมาก มิใช่จับกุมและบุกยึดแต่คนจนหรือคนเล็กคนน้อย ซึ่งการทำงานของหน่วยงานเหล่านี้ที่ผ่านมาทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน
นายจำนงกล่าวว่า มีหลายพื้นที่ในภาคใต้ที่อยากชี้เป้าให้หน่วยงานเหล่านี้เข้าไปตรวจสอบและยึดที่ดินกลับมาเป็นของรัฐ คือ 1.พื้นที่ขุมเขียวในชุมชนทับตะวัน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งที่ดินบริเวณนี้เดิมทีเป็นเหมืองแร่อยู่ติดกับทะเล แต่เมื่อยุติการทำแร่ชาวบ้านได้ใช้เป็นที่จอดเรือสำหรับหลบลมหลบฝนมานาน จนวันหนึ่งได้มีนายทุนอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินและห้ามชาวบ้านเข้าไปจอดเรือหรือแม้กระทั่งร่อนแร่ตามชายหาด ที่ผ่านมาสื่อมวลชนก็ได้สะท้อนข้อเท็จจริงไปแล้วหลายครั้ง แต่หน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะทช.ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างจริงจัง
นายจำนงกล่าวว่า 2.พื้นที่ชุมชนบนเกาะสิเหร่ ตำบลรัชฏา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย ที่ทำกินและพื้นที่ใช้สอยของชาวเล แต่มีเอกชนมาอ้างกรรมสิทธิ์และเข้าครอบครอง ทำให้ชาวเลไม่สามารถเข้าไปในฝังศพหรือเคารพศพบรรพบุรุษในสุสานได้เพราะถูกปิดทางเข้า-ออก นอกจากนี้ยังมีการบุกรุกภูเขาและตัดต้นไม้ทั้งๆที่พื้นที่เหล่านี้เคยเป็นแหล่งใช้สอยของชาวเลและเป็นที่ดินสาธารณะโดยมีความลาดชัดมากและยังเหลือสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ แต่เอกชนได้ตัดถนนรอบๆเพื่อเตรียมยึดที่ดินทั้งหมด
นายจำนงกล่าวว่า 3.พื้นที่ในเกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่ ซึ่งบริเวณใจกลางเกาะมีอดีตผู้ว่าราชการฯรายหนึ่งได้ให้ชาวบ้านจากจังหวัดสงขลาไปบุกรุกป่านับร้อยไร่ และต่อมาได้ออกเอกสารสิทธิ์และไล่ชาวบ้านกลับโดยบริเวณดังกล่าวมีภูมิประเทศสวยงามมากเพราะเป็นเนินเขา 4.พื้นที่บริเวณริมชายหาดเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ซึ่งนายทุนได้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือชายหาดและขับไล่ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเลไม่ให้ผูกเรือทั้งๆที่ชาวบ้านอยู่กันมาก่อนนับร้อยปี ขณะเดียวกันบริเวณชายหาดอีกหลายจุดบนเกาะหลีเป๊ะ ยังกลายเป็นพื้นที่ที่นายทุนหวงห้ามทั้งๆที่เป็นชายหาดสาธารณะ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรแก้ไขเพื่อให้ชาวบ้านและคนอื่นๆได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
—–
