เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 ที่โรงเรียนวังโป่งพิทยาคม อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จัดเวทีสาธารณะเรื่องการรับฟังความคิดเห็นกรณีที่ กพร.สั่งปิดโรงประกอบโลหะกรรมของบริษัทอัครา รีสอร์สเซส โดยมีนายสุรพงษ์ เชียงทอง อธิบดีกพร.เเป็นประธาน และมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเข้าร่วมประชุมกันอย่างคับคั่ง รวมทั้งตัวแทนจากบริษัทอัคราฯ นำโดยนายปกรณ์ สุขุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ และประชาชนเข้าร่วมประมาณ 1,000 คนซึ่งส่วนมากเป็นฝ่ายคนงานเหมืองและครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศตลอดการประชุม ประธานในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนบริษัทอัคราฯ ชี้แจงผลการดำเนินการตามคำสั่งของ กพร. โดยทางตัวแทนประธานฝ่ายบริหารของบริษัทได้อธิบายรายละเอียดต่างๆ และตลอดระยะเวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นการถามตอบกันระหว่างอธิบดีกพร.และผู้แทนบริษัทอัคราฯ โดยชาวบ้านทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายคัดค้านเหมืองเป็นเพียงผู้รับฟัง
นายสุรพงษ์ได้สรุปประเด็นภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้ กพร.ขอเน้นที่การปฏิบัติตามคำสั่งห้ามประกอบโลหะกรรม หรือ หยุดถลุงทองคำเป็นเวลา 30 วัน ของบริษัทอัคราฯ ว่าเป็นอย่างไรบ้างนับตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม .2558 โดยประเด็นหลักคือการส่งตัวชาวบ้านประมาณ 200-300 คนที่มีสารโลหะหนักและรายชื่อตามรายงานผลการศึกษาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) ปี 2556 และรายชื่อปี 2557 ว่าตรงกันหรือไม่ และที่สำคัญ บริษัทได้ดำเนินการนำประชาชนไปทำการรักษาอย่างไร รวมถึงเปิดโอกาสให้บริษัทชี้แจงด้วยว่า มีขั้นตอนหรือมีความพยายามหาสาเหตุว่าสารโลหะหนักที่อยู่ในร่างกายชาวบ้านและพนักงานเหมืองนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรด้วย โดยหากบริษัทอัคราสามารถชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจและยอมรับถึงความพยายามในการแก้ปัญหาตามคำสั่ง กพร. อาจเป็นไปได้ว่าจะพิจารณาอนุมัติให้เปิดประกอบโลหะกรรมต่อไปได้ แต่ถ้าไม่สามารถสร้างความชัดเจนได้ กพร.จะพิจารณาขยายเวลาหยุดถลุงทองคำต่อไปหลังจากวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งไม่มีกำหนดปิดที่แน่นอน
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการเปิดเผยรายชื่อของประชาชนดังกล่าวแล้ว มีประเด็นเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีที่ทางบริษัทได้ชี้แจงถึงการศึกษาวิจัยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลนั้น ให้บริษัทเปิดเผยสัญญาจ้างนักวิชาการที่ได้ทำการศึกษาร่วมด้วย โดยภายในการประชุมนั้นได้ตั้งคณะทำงานขึ้นใหม่อีกชุด คือ ติดตามการดำเนินงานดังกล่าวแล้วให้ กพร.ตรวจซ้ำอีกครั้ง
“กพร.มั่นใจว่า ออกใบอนุญาตให้บริษัทในฐานะมืออาชีพ กรมต้องการมาฟังความตั้งใจจริงของบริษัทอัคราฯ ท่านเดือดร้อน เราไม่ทอดทิ้งพวกท่าน การที่อัคราเข้ามาลงทุนเป็นเรื่องดีเพราะผลประโยชน์ตกอยู่กับชาวบ้าน ทั้งเรื่องการสร้างงานและค่าภาคหลวงที่ประเทศได้รับ ที่ผ่านมาเห็นว่าอัครามีคุณธรรมจริยธรรมและบริษัทอัคราไม่เคยเลิกว่าจ้างพี่น้อง ขอให้ทุกคนช่วยปรบมือให้บริษัทอัคราด้วย อัคราเป็นของทุกคน ดังนั้นให้ท่านเร่งทำงานแล้วเอากรรมการที่ตั้งขึ้นเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเสร็จแล้ว กพร.จะมาตรวจอีกครั้ง” นายสุรพงษ์ กล่าว