
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2558 นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานหรือ LPN กล่าวว่า วันนี้ตัวแทนอดีตลูกเรือประมงไทยในอินโดนีเซีย และเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิฯ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนรัฐบาลที่ศูนย์ร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้ไทยเร่งรัดดำเนินการวางแผนและนโยบายช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกหลอกไปทำงานบนเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานจำนวนมากยังติดอยู่บนเกาะต่างๆ ที่อินโดนีเซีย แต่ทางมูลนิธิฯ และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน หน่วยงานด้านความมั่นคงทราบข้อมูลและเคยบุกช่วยเหลือนั้นมีทั้งหมด 3 แห่ง คือ เกาะอัมบน เกาะตวนและเกาะเบจินา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีการประมาณการว่า มีลูกเรือไทยที่รอดชีวิตและยังติดบนเกาะดังกล่าวประมาณ 500-600 คน ที่ผ่านมาช่วยได้ไม่ถึง 100 คน
“เราส่งทีมงานไปเก็บข้อมูลบนเกาะเหล่านี้มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 – มกราคม 2558 ซึ่งพบว่าบนเกาะเหล่านี้ยังมีคนไทยตกค้างอยู่อีกนับพันคน นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มใหญ่ไม่น้อยกว่า 2 พันคนที่ตกค้างเพราะทางการอินโดฯ ปิดน่านน้ำ คนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน แต่ทางการไทยยังไม่ขยับเท่าที่ควร” นายสมพงค์ กล่าว
นายสมพงค์กล่าวว่า จากการสำรวจของทีมงานยังพบด้วยว่า มีหลุมฝังศพของแรงงานไทยอยู่บนเกาะเหล่านั้นนับร้อยหลุม โดยคนงานมีทั้งคนพิการ คนตาบอดซึ่งถูกกวาดไปจากท้องถนนเพื่อไปทำงานบนเรือประมง บางส่วนถูกยาสลบและพาไปขึ้นเรือโดยมีเมืองมหาชัยเป็นจุดใหญ่ บางส่วนก็เป็นแรงงานที่สมัครใจเพราะต้องการไปหาเงิน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าต้องเจอสภาพการณ์อันเลวร้าย โดยต้องทำงานเหมือนทาส

นายสมพงค์กล่าวว่า ยิ่งเข้าใกล้การเป็นประชาคมอาเซียนครั้งใด ดูเหมือนวิกฤตแรงานไทยในต่างประเทศ มีชะตากรรมที่แย่ลงทุกขณะ โดยลูกเรือส่วนมากที่ทางหน่วยงานในไทยค้นพบนั้น มักอาศัยอยู่ร่วมกับพม่ากัมพูชา บางคนถูกปลอมชื่อเป็นแรงงานประเทศอื่น ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะจัดนโยบายคุ้มครองแรงงานให้เป็นเรื่องระดับชาติ ระดับภูมิภาค โดยอาจทำข้อตกลงความร่วมมือในการเร่งให้ความช่วยเหลือ เริ่มตั้งแต่ประสานงานพื้นที่ไปสำรวจและให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งเพิ่มโทษทั้งทางแพ่งและอาญาแก่นายจ้างและผู้เกี่ยวข้องที่ทำผิดด้วย นอกจากนี้ จะต้องปรับระบบการคุ้มครองแรงงานในภาคประมง โดยมีการตรวจสอบสัญญาจ้างที่แน่ชัด ซึ่งอำนาจดังกล่าวเป็นของทางการไทยเท่านั้นที่จะเข้าไปขอทางการอินโดนีเซียเพื่อดำเนินการ และหน่วยงานภาคประชาชนได้แค่แฝงตัวเข้าไปช่วยเหลือ
///////////////////////