เชื่อว่าสายเขียวในเมืองไทยตอนนี้ ที่กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในการใช้กัญชาทางแพทย์ต้องอิจฉาพลเมือง สหรัฐฯ ที่อาศัยอยู่ในรัฐเสรีแห่งกัญชาไม่น้อย
คนที่เคยสูบกัญชาเป็นปกติบางคน ใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย เหมือนเป็นอาชญากรมีคดีติดตัวสักร้อยคดีได้ จะลองกัญชาที ต้องมองซ้าย มองหลมุมเข้าป่าไปพ่นควันให้พอชื่นใจ แต่ที่สหรัฐฯ ในวิทยาลัยเขามี Drug zone ด้วยนะ เป็นพื้นที่สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสิทธิสูบบุหรี่ สูบกัญชาได้เพลิดเพลินกันเต็มที่ ใครผ่านไปผ่านมาก็ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะคาบข่าวไปฟ้องผู้ปกครองหรอก
รัฐวอชิงตัน เป็นอีกรัฐเสรีที่เปิดให้ประชาชนใช้กัญชาได้ทั้งในการแพทย์ และสันทนาการ โดยไม่ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับรัฐแคลิฟอร์เนีย และออริกอน ส่วนรัฐที่เปิดใหม่ก็มี รัฐอิลลินอยด์ เป็นต้น
กระบวนการทุกอย่างในการปลูก สกัด ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่มีกัญขาเป็นส่วนผสม อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกัญชาแห่งรัฐวอชิงตัน หรือ Washington State Liquor and Cannabis Board
ผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจกัญชาทั้งที่เป็นกัญชาบริสุทธิ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาทุกประเภทต้องสมัครขอใบอนุญาตผ่านคณะกรรมการชุดนี้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับใบอนุญาตเสมอไป เพราะทุกขั้นตอนนั้นต้องมีการรับรองความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และต้องมีการควบคุมคุณภาพอย่างจริงจัง
ปัจจุบันมีใบอนุญาตที่ทางคณะกรรมการปิดรับสมัครไปแล้วหลายประเภท เช่น ใบสมัคร ปลูก ผลิต ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง แต่ในส่วนของผู้ผลิตสารสกัดกัญชาเพื่อการแพทย์นั้น ยังสามารถรับตัวแทนได้เรื่อยๆ
หากคุณเป็นผู้บริโภคนั้น สำหรับการซื้อขายกัญชาในรัฐวอชิงตัน สามารถทำได้ไม่ยาก กฎเหล็กข้อแรก คือ ต้องมีอายุอย่างน้อย 21 ปี ต่ำกว่านี้จะถูกดำเนินคดีทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย บางร้านอาจจะถูกสั่งปิดและปรับเพิ่มเติมด้วย ส่วนผู้ที่อายุผ่านเกณฑ์แล้วก็หากมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ เพิ่มมาเช่น มีความพิการ ตั้งครรภ์ หรืออื่นใดก็จะมีการแจ้งเตือนจากผู้จำหน่าย ซึ่งผู้สนใจบริโภคสามารถซื้อกัญชาได้จากร้านค้ากัญชาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่น ครีมบำรุงผิว สบู่ แชมพู หรือน้ำมันสกัดทีมีทั้งผสมในเครื่องดื่ม และน้ำมันเพื่อการสูบในรูปแบบกัญชาไฟฟ้า ฯลฯ ราคามีตั้งแต่ 20 เหรียญขึ้นไป
แต่ถึงแม้จะมีอายุครบ 21 ไม่ใช่ว่าจะเสพ จะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้เพราะหากคุณเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องขับรถ หากตำรวจตรวจพบว่า คุณมีปริมาณกัญชาในเลือดเกิน 5 นาโนกรัม ก็การถูกสั่งห้ามขับรถและถูกบันทึกในประวัติส่วนบุคคลก็มีผลกระทบต่อชีวิตและการงานไม่น้อย
เรื่องการหาร้านขายกัญชานั้นมีมากมายเหมือนดอกเห็ด แถมยังมีหลายร้านที่มีการซื้อขายออนไลน์ พร้อมส่งสินค้าออนไลน์ได้ตลอด ตามความพึงพอใจของลูกค้า การแข่งขันในการผลิตกัญชีจึงเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ผลแต่ละคนจะค้นหาผลิตภัณฑ์ดีๆที่ผู้ผลิตส่งมาขาย แล้วแต่ว่าใครจะพึงพอใจประเภทใด
การเดินเข้าไปในร้านกัญชานั้น หากคุณไม่เคยใช้กัญชามาก่อน คนขายจะพยายามแนะนำปริมาณน้อยๆให้ลองใช้ก่อน และมักถามหาเจตนาการใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการหากัญชาที่เหมาะสมให้ เช่น ถามถึงสาเหตุที่ต้องการใช้กัญชา บางคนปวดแขน ปวดขา ปวดหัว นอนไม่หลับ ผู้ขายจะมีการนำเสนอสินค้าเฉพาะเพื่อความเหมาะสมต่อตัวลูกค้า และมีการรับประกันผลกระทบทางสุขภาพด้วย ซึ่งส่วนมากผู้ผลิตสินค้าจะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ก่อนผลิตสินค้าออกสู่ตลาด นั่นทำให้คนสหรัฐฯ มีตัวเลือกมากมายในการบริโภค
ตัดมาที่ขั้นตอนการปลูกและคัดเลือกกัญชาสด แห้ง นั้นผู้ที่สามารถปลูกกัญชาได้ต้องได้รับได้ใบอนุญาตที่ถูกต้อง เรียกว่า Producer license โดยระยะเวลาสั้นที่สุดอยู่ที่ 3 เดือน เวลานานสุดก็ต้องนานกว่า 5 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่า ปลูกเพื่อสกัดไปเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทใด มาตรฐานการผลิตก็จะเป็นไปตามความต้องการของผู้ผลิตและสกัดกัญชา
ใช่ว่ามีพันธุ์กัญชาแล้วจะปลูกทิ้ง ปลูกขว้างได้นะ ในรัฐวอชิงตันนั้น การควบคุมพื้นที่ในการเติบโต ทั้งในห้องที่เป็น Green house , การควบคุมอุณหภูมิแสง น้ำ ระยะเวลาการเพาะเมล็ดไปจนถึงขั้นตอนเก็บเกี่ยว ทุกกระบวนการต้องเป็นไปด้วยความพิถีพิถัน ทำให้มีตัวแทนปลูกน้อยมาก เนื่องจากกัญชาต้องลงทุนสูงถึงฤดูละ 1.8 แสนเหรียญสหรัฐฯหรือราว 5 ล้านบาท เว้นแต่จะมีคนลักลอบปลูกเพื่อขายกัญชาแห้งให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ส่วนมากจะปลูกถูกกฎหมาย และมีระยะเวลาในการตัดดอก ใบกัญชา ที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้รับซื้อพึงพอใจในคุณภาพ และไม่ถูกกดราคา
จารยา บุญมาก