เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 ที่โรงแรมเซนจูรี่ปาร์ค กรุงเทพฯ กระทรวงแรงงาน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ.2560-2564 สู่การปฏิบัติ เพื่อทำแผนกลยุทธการขับเคลื่อนงานในจังหวัดต้นแบบร่วมกับภาคีเครือข่าย และลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) เพื่อการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับที่ 2 สู่การปฏิบัติอย่างมีพลัง สร้างสรรค์ และสานพลังประชารัฐร่วมกัน โดยมีตัวแทนแรงงานนอกระบบจากกรุงเทพมหานครและอีก 15 จังหวัด และเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานเกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบหลายภาคส่วน
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เป้าหมายหลักของความร่วมมือครั้งนี้คือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยที่ทำงานนอกระบบ ซึ่งมีสิทธิต่าง ๆ ที่ไม่เท่าเทียมกับอาชีพในระบบทั่วไป จึงจำเป็นต้องศึกษาแนวทางจาก 15 จังหวัดที่มีเครือข่ายแรงงานนอกระบบมาถอดบทเรียน ประสบการณ์และเดินหน้าทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดศักยภาพที่เหมาะสม และขยายแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตนี้สู่จังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย มีแนวคิดผลักดัน 3 เรื่อง คือ 1.รายได้ จะมีการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มรายได้ ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพ โดยส่วนหนึ่งจะนำเอาการขึ้นทะเบียนคนจนมาพิจารณาเพิ่มทักษะด้วย 2.ผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานนอกระบบ ให้แล้วเสร็จในปี 2560 ขณะนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น และ 3.บริหารจัดการระบบการดูแลแรงงานนอกระบบแบบบูรณาการ สร้างเครือข่ายระดับพื้นที่ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่ม
“อาชีพนอกระบบมีหลายอาชีพ ทั้งคนสวน คนไร่ คนขับรถรับจ้าง แม่ค้า พ่อค้า คนงานก่อสร้าง เราจึงต้องเอาเรื่องนี้มาคุยกัน แต่ที่เราเน้นให้ความสำคัญ อันดับต้น ๆ คือ การใช้สิทธิรักษาพยาบาลตามหลักประกันสังคม และเรื่องความปลอดภัยในระหว่างเวลางาน ตามมาตรา 40 ซึ่งหากทำได้จะช่วยให้คนไทยที่ทำงานนอกระบบเข้าถึงสิทธิด้านดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนตัวเชื่อว่าจะช่วยให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน” นายอนุรักษ์ กล่าว
ด้านนายอ๊อค สำเภาแก้ว อายุ 55 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง สมาชิกเครือข่ายแรงงานนอกระบบ สมุทรปราการ กล่าวว่า ตนทำอาชีพรับจ้างขับรถมอเตอร์ไซค์ อำเภอพระประแดงมานานกว่า 15 ปี อยากให้ภาครัฐส่งเสริมสวัสดิการแก่แรงงานนอกระบบในฐานะผู้เสียภาษีประเทศคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเจ็บป่วยแล้วต้องหยุดงานหลายวันนั้น บางครั้งสูญเสียรายได้หลายบาท จึงอยากให้มีการปรับปรุงระบบจ่ายเงินชดเชยคืนบ้าง
“ขณะนี้ผมใช้สิทธิรักษาพยาบาลยามป่วยด้วยบัตรทอง ใช้ยื่นคู่กับบัตรประกันสังคมในมาตรา 40 ซึ่งรัฐร่วมจ่ายบ้างผมจ่ายเองบ้าง แต่ผมคิดว่ายังได้รับสิทธิไม่เต็มที่ ผมคิดว่าถ้าให้เราจ่ายเพิ่มกว่านี้ก็ยอม แต่ถามกลับว่าแล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้างถ้าเราจะจ่ายเพิ่ม ผมไม่ได้อยากอยู่เฉย ๆ แล้วได้เงินฟรี แต่อยากร่วมจ่าย ร่วมรับผิดชอบ อะไรก็ตามที่มีหลักประกันว่าวันหนึ่งผมขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะตาย จะพิการผมได้เงินบ้าง เพราะไม่มีเงินซื้อประกันเอกชนรายปี เนื่องจากรายได้เราไม่แน่นอน” นายอ๊อดกล่าว
นายอ๊อด กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้นอกจากสิทธิการรักษาพยาบาล ความมั่นคง ความปลอดภัยแล้ว อยากให้ทุกอาชีพของแรงงานนอกระบบมีขอบเขตการทำงานที่ปลอดภัยและอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลเป็นเจ้าของพื้นที่ขับรถจักรยานยนต์ด้วย ส่วนตัวอยากให้รถจักรยานยนต์วิ่งได้อย่างเสรีเหมือนแทกซี่ และผู้โดยสารมีสิทธิเลือกใช้บริการใครก็ได้ตามใจชอบ ส่วนด้านอื่น ๆ ที่อยากให้มี คือ ช่องทางพัฒนาทักษะเพิ่มเติม เช่น กรณีขับรถรับจ้างน่าจะมีบริการอบรมภาษาอังกฤษ ภาษาจีนบ้าง ให้คนขับรถทั่วไปได้บริการลูกค้าต่างชาติโดยไม่ผ่านนายหน้ากินหัวคิว
อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานปัจจุบันแรงงานนอกระบบในประเทศไทยมีประมาณ 21 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแรงงานนอกระบบได้พยามยามผลักดันให้มีการปรับสวัสดิการตามมาตรา 40 ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มแรงงานนอกระบบ อาทิ ปรับอัตราการชดเชยการขาดรายได้ของแรงงานนอกระบบจาก 200 บาท เป็น 300 บาท ปรับอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตจาก 20,000 บาท เป็น 40,000 บาท และขยายสิทธิรักษาพยาบาลให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกลุ่มโรคเจ็บป่วยจากการทำงาน