Search

หวั่นฝันร้ายเหมือนปีก่อน ชาวบ้านริมน้ำกกขนข้าวของย้ายหนีขึ้นที่สูง ชุมชนถักทอกันเป็นเครือข่าย-คนต้นน้ำฝั่งรัฐฉานร่วมเฝ้าระวัง-แจ้งเตือนฝั่งไทย เผยแจ้งเตือนผ่านข้อความของ ปภ.ยังเข้าไม่ถึง

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายประเสริฐ กายทวน ชาวบ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำกกซึ่งกำลังเผชิญอิทธิพลจากพายุวิภาว่า ชาวบ้านยังคงเฝ้าระวังน้ำในแม่น้ำกกที่ไหลมาจากรัฐฉาน ประเทศพม่าอย่างใกล้ชิดโดยมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ และมีอาสาสมัครเยาวชนเฝ้าดูทุกครึ่งชั่วโมง หากระดับน้ำเพิ่มขึ้นรวดเร็วผิดปกติก็พร้อมจะอพยพไปยังจุดที่เตรียมไว้ นอกจากนี้ชาวบ้านยังร่วมกันสังเกตสีของน้ำและเศษกิ่งไม้ต่างๆ

“ตอนนี้แนวระดับน้ำอยู่ทีเกือบ 5 เมตร ซึ่งเราต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากเพิ่มเป็น 6 เมตรต้องจับตาพิเศษ แต่ถ้าสูงเป็น 7-8 เมตรก็ต้องอพยพไปอยู่ที่สูง โดยทาง อบต.ท่าตอนได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าพื้นที่ที่ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือให้เร็วขึ้น หรือน้ำท่วมตรงไหนก็เข้าไปเปิดทางน้ำ”นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะเดียวกับชาวบ้านที่บ้านเปียงคำฝั่งรัฐฉาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านคู่ขนานกับบ้านร่มไทย ก็ได้ช่วยเฝ้าระวังด้วย ซึ่งตอนนี้(18.30 น.วันที่ 23 กรกฎาคม)เขาบอกว่าฝนยังตกอยู่แต่ไม่หนักมาก แต่หากน้ำท่วมและฝนตกต่อเนื่อง เขาจะรีบแจ้งข่าวให้ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้ดูข้อมูลข่าวสารจากช่องทางใดเป็นหลัก นายประเสริฐกล่าวว่า มีหลายทาง ทั้งจากสื่อออนไลน์ หรือบอกกันปากต่อปาก ขณะที่ข้อความจากระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินที่ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือ ( cell broadcast)ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชาวบ้านได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งดูแล้วระบบของทางการยังใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร เพราะชาวบ้านยังดูจากพื้นที่เป็นหลักมากกว่า

นส.จุฑามาศ ราชประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.)ซึ่งลงพื้นที่สำรวจชุมชนในริมแม่น้ำกกกล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านตื่นตัวมากแตกต่างจากปีที่แล้ว โดยชาวบ้านบอกว่าปีที่แล้วพวกเขาประมาทและไม่เชื่อข้อมูล จึงเกิดความเสียหายมาก ดังนั้นในปีนี้จึงเริ่มเก็บข้าวของตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเมื่อฝนเริ่มตก ขณะที่เทศบาลริมแม่น้ำกกหลายแห่งเริ่มเอากระสอบทรายมาแจกจ่าย

“ท้องถิ่นริมแม่น้ำกกตื่นตัวมาก กรณี ต.แม่ยาว ฝนตกหนักมาก น้ำเยอะและดินสไลด์ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยในหมู่บ้านลึกๆ ขณะนี้ได้ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว ส่วนหมู่บ้านริมแม่น้ำต่างเก็บของไปอยู่บนดอยหรือพื้นที่สูงกันหมดแล้ว”น.ส.จุฑามาศ กล่าว

น.ส.จุฑามาศกล่าวว่า พชภ.ร่วมกับหน่วยงานราชการเข้าไปติดตั้งเสาวัดระดับน้ำไว้ตามชุมชนริมแม่น้ำกก 7 แห่ง ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านได้เรียนรู้และเฝ้าระวังปริมาณน้ำขึ้นจากเสาวัดระดับน้ำ  นอกจากนี้ชาวบ้านมักดูข้อมูลจากเครือข่ายที่อยู่ต้นน้ำขึ้นไป โดยเมื่อก่อนไม่ได้แบ่งปันกันแบบนี้ ขณะที่ชุมชนในเมืองเชียงรายก็มีการตื่นตัวเช่นกัน บางส่วนได้เริมอพยพและมีการเอารถไปจอดบนที่สูง

“แต่สิ่งที่ชาวบ้านยังกังวลใจคือเรื่องสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนมากับน้ำ พวกเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไร ที่ผ่านมาไม่มีใครเล่นน้ำหรือจับปลาอยู่แล้ว และใช้น้ำจากดอยเป็นประปาภูเขา แต่พวกเขาเป็นห่วงเรื่องสารปนเปื้อนในน้ำ แต่บางคนก็เชื่อว่าฝนตกหนักทำให้สารพิษเจือจาง”นางจุฑามาศ กล่าว

ดร.อังกูร ว่องตระกูล นักวิชาการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย ซึ่งดำเนินการแจ้งเตือนภัยผ่านเพจ “ระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมือง จังหวัดเชียงราย” กล่าวว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำในแม่น้ำกกที่ ต.ท่าตอน ซึ่งส่วนอุทกที่ 2 เชียงรายประกาศเตือน เพราะระดับน้ำเกินสูงค่ามาตรฐานคือเกิน 5.5 เมตรแล้ว โดยในช่วงเช้าได้แจ้งเตือนก่อนเกณฑ์ เพราะเป็นช่วงพายุเข้า และอัตราการเพิ่มของน้ำขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ถึง 3 เท่า แต่ตอน 10.00 น.การเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตราที่ลดลง เราจึงแจ้งเตือนให้เป็นการเฝ้าระวัง และตอน 15.00 น.มีปริมาณน้ำเข้ามาเติมค่อนข้างสูงจึงต้องเฝ้าระวังเช่นกัน

ดร.อังกูรกล่าวว่า ประชาชนเชียงรายเรียนรู้เร็วมาก ว่าสถานีเตือนภัยเป็นอย่างไร ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกันทำงานอย่างดีตั้งแต่ระดับจังหวัดซึ่งมีประชุมตั้งแต่ 8 โมงเช้า และติดตามงานทุกๆ 6 โมงเย็น เพียงแต่อ่อนในเรื่องการประชาสัมพันธ์