เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 19.00 น.ที่วัดกู่เต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนชาวไทใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกันจุดเทียนไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตในรัฐฉานอันเนื่องมาจากรัฐบาลพม่าได้เข้าโจมตีกลุ่มหยุดยิงในรัฐฉาน โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 300 คน ซึ่งภายในงานได้มีการนำภาพความโหดร้ายที่ประชาชนชาวรัฐฉานได้รับจากการโจมตีของทหารพม่า
นอกจากนี้ยังมีการรายงานสถานการณ์การสู้รบล่าสุดซึ่งรุนแรงมาก จนทำให้ประชาชนจำนวนนับพันต้องอพยพจากบ้านเรือนไปอาศัยอยู่วัดและตามป่าเขา ในขณะที่ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวแต่ชาวบ้านไม่มีโอกาสเก็บผลผลิต
ทั้งนี้ 18 องค์กรชุมชนรัฐฉานได้ร่วมกันออกแถลงการณ์โดยมีผู้แทนอ่านเป็นภาษาอังกฤษ พม่าและไทใหญ่ โดยระบุว่า ถ้ารัฐบาลพม่าต้องการสันติภาพ พวกเขาต้องยุติปฏิบัติการรุกคืบด้านทหารในเขตหยุดยิงรัฐฉาน ซึ่งองค์กรชุมชนรัฐฉาน (Community Based Organisations – CBOs) กังวลอย่างยิ่งกับปฏิบัติการเชิงรุกของทหารรัฐบาลพม่าในเขตหยุดยิงรัฐฉานทั้งสี่เมืองตอนกลางของรัฐ ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 1,500 คนต้องอพยพหลบหนีไปแล้ว
ในแถลงการณ์ระบุว่า ในวันที่ 6 ตุลาคม 2558 กองทัพพม่าเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในพื้นที่ของพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน (Shan State Progress Party)/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Army) (SSPP/SSA) เขตเมืองสู้และเมืองนอง มีการส่งทหาร 10 กองพันเข้าไปสู้รบอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ราษฎรกว่า 1,500 คนต้องละทิ้งบ้านเรือนเรือกสวนไร่นาและหลบหนีไป อีกกว่า 1,000 คนต้องไปพักอาศัยกับชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้ๆ กัน อีกหลายร้อยไปหลบซ่อนตามป่าเขา ผู้หญิงสี่คนได้คลอดลูกระหว่างการหลบซ่อนตัว คนหนึ่งต้องคลอดในถ้ำ ผู้อพยพเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน ที่ผ่านมาพวกเขายังไม่ได้เก็บเกี่ยวพืชผล ทำให้ต้องประสบกับวิกฤตด้านอาหารแน่นอน
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ในวันที่ 11 ตุลาคม 2558 กองทัพพม่าเริ่มยิงปืนใหญ่ถล่มกองบัญชาการของกลุ่ม SSPP/SSA ที่บ้านไฮ เขตเมืองเกซี ทำให้เกิดภัยคุกคามต่อพลเรือนนับพันๆ คน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยังมีการระดมกำลังทหารในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยนาย ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะมีการปฏิบัติการโจมตีในพื้นราบเร็วๆ นี้ ในวันนี้ กองทัพพม่าเริ่มเปิดฉากโจมตี SSPP/SSA ในเขตเมืองต้างยาน การโจมตีเหล่านี้เสี่ยงจะทำให้คนต้องอพยพออกไปเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้
“องค์กรชุมชนรัฐฉานของประณามอย่างหนักแน่นต่อปฏิบัติการเชิงรุกครั้งนี้ รวมทั้งการยิงโจมตีพลเรือนโดยไม่เลือกเป้าหมาย และการบังคับให้พลเรือนต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตนเอง การโจมตีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางทหารอย่างเป็นระบบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพม่า ทั้งนี้เพื่อยึดครองพื้นที่ของกลุ่ม SSPP/SSA นับเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้อยู่และมีการลงนามตั้งแต่เดือนมกราคม 2555″ในแถลงการณ์ระบุ
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า การเปิดฉากโจมตีครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานก่อนจะมีการลงนามความตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (Nationwide Ceasefire Agreement – NCA) แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพม่าไม่สนใจการเจรจาทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง และยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์เหมือนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยใช้กำลังยึดและปกครองดินแดนของกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ความตกลงหยุดยิงทั่วประเทศที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียงยุทธิวิธีแบ่งแยกและปกครอง มีการยอมสงบศึกกับกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่ม แต่เร่งเดินหน้าปราบปรามอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะไม่ช่วยให้เกิดสันติภาพ ด้วยเหตุดังกล่าว ถ้าประชาคมนานาชาติต้องการให้เกิดสันติภาพอย่างแท้จริงในพม่า ต้องมีการประณามอย่างเร่งด่วนต่อปฏิบัติการโจมตีครั้งใหม่นี้ และกดดันให้รัฐบาลพม่ายุติการรุกคืบเข้าไปในพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ และให้ถอนทหารออกจากบริเวณนั้นให้หมด
“องค์กรชุมชนรัฐฉานกระตุ้นแหล่งทุนระหว่างประเทศ ให้จัดให้มีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนกับผู้ที่ต้องอพยพหลบหนีในตอนกลางของรัฐฉาน โดยเป็นการจัดสรรความช่วยเหลือผ่านองค์กรที่ตั้งอยู่ในชุมชนต่างๆ ” แถลงการณ์ระบุ
หลังจากนั้นทั้งหมดได้ร่วมกันจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
___________