เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2558 ที่โรงเรียนแม่ฮ่างใต้ อำเภองาว จังหวัดลำปาง จังหวัดลำปาง มีเวทีนำเสนอฐานข้อมูลชุมชนที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง ณ ซึ่งมีชาวบ้านจากชาติพันธุ์ต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทหาร ตำรวจ เข้าร่วมกว่า300 คน เข้าร่วม ทั้งนี้นายสมชาติ หละแหลม ผู้ใหญ่บ้านกลาง หมู่ 5 ตำบลบ้านดง อำเภองาว จังหวัดลำปาง และผู้ประสานงานเครือข่ายชาติพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ ว่า นโยบายของรัฐบาลพยายามจะมีการทวงคืนผืนป่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน โดยล่าสุด อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท เตรียมประกาศ แนวเขตอุทยานแห่งชาติฯ ทับที่อยู่อาศัย ที่ทำกินราษฎรในพื้นที่อำเภองาว วันนี้ชาวบ้านหลายพื้นที่จึงได้สรุปฐานข้อมูลมานำเสนอตัวแทน(อปท. ตัวแทนกรมอุทยานฯ พร้อมยื่นหนังสือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการจัดระบบประกาศเขตอุทยานฯ ที่แน่ชัด โดยกันแนวที่ดินทำกินของชาวบ้านออกจากแนวป่าที่อุทยานฯ จะประกาศอนุรักษ์ไว้
นายสมชาติกล่าวว่าในส่วนของบ้านกลาง เป็นตัวอย่างชุมชนที่อาศัยอยู่ในกับป่าอันสมบูรณ์ กว่า 20,000 ไร่ ซึ่งอยู่มานานกว่า 100 ปี มีประชากรในชุมชนประมาณ300 คน มีพื้นที่ใช้สอยประมาณเกือบ 2,000 ไร่ โดยพื้นที่ใช้สอยนี้ชาวบ้านทำกินมาโดยตลอด สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และไม่มีการบุกเบิกที่ดินเพิ่ม อีกทั้งไม่มีการปลูกพืชเชิงเดียวตามนโยบายรัฐบาลที่เคยประกาศให้ทำ รวมทั้งไม่มีไร่ข้าวโพดแบบที่ทุนใหญ่กำลังคุกคามหลายพื้นที่ในภาคเหนือ
“ชาวบ้านทำกินแค่ 2,000 ไร่ วางกฎชัดว่าห้ามครอบครัวใด เผาป่า ถางป่าเพิ่ม แต่ป่าที่เหลือ 18,000 ไร่ เราอนุญาตให้เข้าไปเก็บเห็ด เก็บหน่อได้ โดยป่าไม่ได้เสื่อมโทรม ทั้งๆที่ชุมชนก่อตั้งมานาน สะท้อนว่าเรารักษ์ป่ามาตลอด ไม่ปล่อยใครบุกรุก เราเชื่อมั่นว่า ต่อให้ไม่ประกาศเขตอุทยานฯ เราก็ดูแลต่อได้ แต่ถ้ารัฐยืนยันจะประกาศต่อไป เราขอไว้ 2,000 ไร่ แน่นอนไม่มีสิทธิ์ครอบครองเอกสารสิทธิ์ ประเภทใดทั้งสิ้น แต่เราก็ไม่ปล่อยให้รัฐครอบครองแบบเบ็ดเสร็จแล้ว ให้ประชาชนกลายเป็นแพะรับบาป ที่ต้องหาที่อยู่ ที่ทำกินใหม่ เราไม่มีและไม่ย้ายไปไหนทั้งสิ้น และเชื่อว่าถ้ารัฐยอมรับเงื่อนไขเรา ป่าจะยังอยู่ อย่างแม่ฮ่องสอนก็เช่นกัน พี่น้องชาติพันธุ์ทุกที่ ไม่ใช่ผู้ร้าย เว้นแต่บางพื้นที่เท่านั้นในภาคเหนือ ที่พวกเขาหลงรับใช้ทุน แต่เมื่อชาวบ้านยอมถอยออก อย่างหลายชุมชนที่งาว เริ่มยกเลิกสัญญาปลูกข้าวโพดแล้ว เพราะเพิ่งรู้ว่ามันส่งผลกระทบต่อป่า จากนี้เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐยอมรับข้อเสนอเราไหม ถ้าเราขอแค่นี้ ไม่บุกรุกเพิ่ม” นายสมชาติ กล่าว
ด้านนายประเวศ ปิ่นเงิน ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนาแก อำเภองาว กล่าวว่า ความคาดหวังของพี่น้องชาติพันธุ์ทุกคนอำเภองาว ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินนั้น ไม่ได้หวังให้ชุมชนได้รับโครงการใหญ่โตอะไร มาก หากต้องการทำธนาคารที่ดินและโฉนดชุมชน เพื่อแบ่งพื้นที่สำหรับทำกินเท่านั้น แล้วจะค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพป่าที่เคยปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่บังเอิญชาวบ้านรู้ไม่เท่าทุนใหญ่ เพื่อสร้างความยั่งยืน โดยมีบ้านกลางเป็นต้นแบบ เนื่องจากมีการแบ่งเขตป่าอนุรักษ์ ป่าสาธารณะประโยชน์ และที่ดินทำการเกษตรที่ชัดเจน ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า การจัดการทรัพยากรของรัฐบาลยุคนี้ ที่ประกาศใช้แผนแม่บทป่าไม้เพื่อทวงคืนผืนป่านั้น ดูจะเร่งรัดและไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน ทางชุมชนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนั้นกับชาติพันธุ์อีกแล้ว เพราะพวกเขาโดนกระทำมาตลอด ซึ่งหากรัฐจะร่วมมือก็ทำได้ง่ายๆ คือ กันแนวเขตทำกินโดยสำรวจว่าชุมชนใดในอำเภองาว มีที่ทำกินแล้วบ้างก็ทำแนวเขตนั้นให้ชัดเจนว่า ทำกินมาก่อนเก่าแล้ว และไม่ควรมีการประกาศเขตอุทยานทับ แต่ถ้าหลังจากนี้มีผู้บุกรุกเพิ่ม เมื่อนั้นก็ค่อยทวงคืนพื้นที่ใหม่ คือ ควรจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ให้ประชาชนเลือกเอง จึงจะเกิดความยั่งยืน
/////////////////////////////////////
หมายเหตุ ภาพโดยสรศักดิ์ เสนาะพรไพร