เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558 เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีตัวแทนชาวบ้านในนามกลุ่มเครือข่ายชาวบ้านจัดการทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำแม่วางตอนบน จำนวน 50 คน เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องพร้อมรายชาวบ้านที่คัดค้าน 3,000 รายชื่อ ให้รัฐบาลชะลอการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติออบขาน และยุติการก่อสร้างสำนักงานหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติออบขานในพื้นที่ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ภายหลังการรับหนังสือร้องเรียน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกับกลุ่มชาวบ้านว่า ในขณะนี้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังไม่มีการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานหรือที่ทำการพิทักษ์อุทยานฯ ออบขาน ในพืนที่ตำบลแม่วิน เนื่องจากยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณดำเนินการก่อสร้างใดๆ ซึ่งจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ออกหนังสือชี้แจงให้ชาวบ้านรับทราบต่อไป โดยภายหลังการชี้แจงชาวบ้านได้เดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานฯ ออบขาน เพื่อขอดูข้อมูลการปรับขยายแนวเขตอุทยาน
ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียน ได้ระบุข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.หยุดสร้างสำนักงานหน่วยป้องกันอุทยานฯ ออบขาน ที่บ้านสบวิน 2.ให้ปรับแนวเขตเตรียมประกาศอุทยานฯ ออบขาน มิใช้ทับซ้อนแนวเขตตำบลแม่วิน 3.ให้อุทยานฯ ออบขาน ส่งมอบข้อมูลแนวเขตที่ปรับแก้ไขให้องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ในพื้นที่เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับราษฏรในพื้นที่ให้รับทราบ
นอกจากนี้ได้ระบุให้ส่งหนังสือเรียกร้องต่อไปถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมอุทยานแห่งชาติฯ, และมณฑลทหารบกที่ 33 รวมทั้งคณะกรรมการอำนวยการบูรณาการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง
นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้มีการปรับแนวเขตอุทยานฯ ออบขาน ที่เตรียมจะมีการประกาศให้พื้นที่ตำบลแม่วาง ทั้งตำบลเป็นเขตอุทยานฯ ภายในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบในด้านวิถีชุมชน ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของชาวบ้านทั้งตำบลแม่วินที่มีอยู่ 19 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งที่ผ่านในพื้นที่มีการคัดค้านเรื่องนี้มานานกว่า 10 ปี และมีมติสภา อบต.แม่วิน ที่ชัดเจนว่าห้ามไม่ให้มีการประกาศเขตอุทยานฯ ทับซ้อนพื้นที่ตำบลแม่วิน อีกทั้งชุมชนและส่วนท้องถิ่นยังมีกลไกการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการประกาศพื้นที่อุทยานฯ ออบขาน จึงควรเข้ามาชี้แจงและกันเขตร่วมกับ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา
“ที่ผ่านมาอุทยานไม่มีการชี้แจงหรือนำข้อมูลการสำรวจมาพูดคุยกับชาวบ้านเลย ทั้งที่ชาวบ้านในตำบลแม่วินมีกลไลการจัดการป่าไม้ที่เข้มแข็งอยู่แล้ว มีการกันแนวเขตที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน และเขตป่าชุมชน มีข้อตกลงในการอนุรักษ์ที่ได้ชาวบ้านยอมรับ จนทำให้มีสภาพพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์มากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่” นายสรศักดิ์ กล่าว
นายสรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ตำบลแม่วินทุกฝ่ายเห็นด้วยกับการอนุรักษ์พื้นที่ป่า แต่ต้องการให้เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วม แต่ในพระราชบัญญัติ(พรบ.)อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ไม่มีมาตราใดเลยที่ให้สิทธิ์ชุมชนหรือชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่น ชาวบ้านจึงกังวลว่าหากมีการประกาศเขตอุทยานฯ ออบขาน อาจทำให้พื้นที่ชุมชนถูกประกาศทับอยู่ในเขตอุทยาน จนนำปสู่ความขัดแย้งอย่างที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศขณะนี้ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลมีการนำ พรบ.หรือ กฏหมายฉบับอื่นที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้แทนการประกาศอุทยานฯ