นับตั้งแต่ต้นเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ทางภาคกลางของรัฐฉาน โดยรัฐบาลเนปีดอว์ได้ส่งกำลังทหารหลายพันนายและยิงปืนใหญ่เพื่อยึดพื้นทีจากพรรครัฐฉานก้าวหน้า/กองทัพรัฐฉานเหนือ (Shan State Progress Party/Shan State Army-SSPP/SSA) แม้ข้อตกลงหยุดยิงระดับรัฐและระดับสหภาพที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันทำไว้จะยังคงมีอยู่ก็ตาม

การโจมตีครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นในเมืองหนอง เมืองสู้ เมืองเกซีและเมืองต้างยาน เป็นสาเหตุทำให้มีผู้อพยพใหม่มากกว่า 3,000 คน มีทั้งชาวบ้านที่เป็นชาวไทใหญ่ ปะหล่อง ลีซอ และชาวลาหู่ โดยชาวบ้านเหล่านี้กำลังอาศัยอยู่ตามวัด ตามหมู่บ้านใกล้เคียง และอาศัยอยู่ตามที่หลบซ่อนตัวในป่า ชาวบ้านเหล่านี้ถูกบังคับให้ทิ้งบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตรของตัวเอง และกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน หญิงชาวบ้านจำนวน 4 คน ต้องคลอดลูกในป่า และหญิงอีก 1 คนต้องคลอดลูกในถ้ำ
การโจมตีเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ประธานาธิบดีเต็งเส่งได้ลงนามที่เรียกว่า สัญญาหยุดยิงแห่งชาติ(Nationwide Ceasefire Agreement -NCA) กับกลุ่มติดอาวุธอีก 8 กลุ่มที่เนปีดอว์ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ในช่วงเวลานั้น กระสุนปืนขนาด 120 มม.ได้ยิงถล่มรอบๆฐานบัญชาการใหญ่บ้านไฮ ทำให้ชาวบ้านหลายร้อยคนต้องหนีเข้าไปอยู่ในป่า

นี่เป็นเหตุการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในพื้นที่นี้เมื่อเดือน มีนาคม ปี 2554 เมื่อกองทัพพม่าได้โจมตีทางทหารครั้งใหญ่กับ SSPP/SSA ซึ่งกองทัพพม่าเป็นฝ่ายทำลายข้อตกลงหยุดยิงที่ทำไว้กับ SSPP/SSA เป็นระยะเวลา 22 ปี เพียงเพราะ SSPP/SSA ปฏิเสธที่จะเป็นกองกำลังรักษาชายแดน (ฺBorder Guard Force)ภายใต้กองทัพพม่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งนั้นของกองทัพพม่า ยังรวมถึงการทรมาน การข่มขืนหมู่และใช้ชาวบ้านเป็นโล่ห์มนุษย์ ส่งผลให้มีผู้อพยพมากกว่า 30,000 คน
นับตั้งแต่ SSPP/SSA ได้ลงนามสัญญาหยุดยิงฉบับใหม่เมื่อเดือน มกราคม ปี 2555 ภายใต้กระบวนการสันติภาพครั้งใหม่ของประธานาธิบดีเต็งเส่ง กองทัพพม่ากลับล้มเหลวไม่แม้แต่จะถอนกำลังทหารใดๆ ออกจากในพื้นที่นี้ กลับกันกองทัพพม่ากลับเพิ่มทหารเข้ามาในพื้นที่ และยังคงดำเนินการปฏิบัติการทางทหารอย่างเป็นระบบเพื่อยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ SSPP/SSA
ในปี 2556 กองทัพพม่าได้โจมตีเพื่อยึดเขตพื้นที่ของ SSPP/SSA ตามแม่น้ำสาละวิน ในเมืองต้างยาน ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพพลัดถิ่นมากกว่า 1,000 คน ในปี 2557 มีปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่เพื่อยึดพื้นที่ SSPP/SSA ในเมืองเกซี มีการใช้เครื่องบินรบและปืนใหญ่โจมตีอย่างหนัก ทำให้มีผู้อพยพหลายร้อยคน เหตุการณ์ครั้งนั้นนำไปสู่การยึด “ท่าผาส่อง” จุดข้ามแม่น้ำยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อภาคกลางไปยังภาคเหนือของรัฐฉาน ซึ่งขณะนี้ ทหารพม่าได้ประจำการถาวรตามหมู่บ้านท้องถิ่นในพื้นที่นี้
ขณะที่การโจมตีต่อต้านทหาร SSPP/SSA ครั้งหลังสุด ทำให้นำไปสู่การยึด “ท่าสามปู” จุดข้ามน้ำสำคัญของแม่น้ำป๋าง จุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อกับเขตพื้นที่ของกองทัพว้า (UWSA) ผ่านแม่น้ำสาละวินทางภาคตะวันออกของรัฐฉาน การกระทำเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ที่ดำเนินมาต่อเนื่องของกองทัพพม่า เพื่อยึดและครอบครองดินแดนของชาติพันธุ์ โดยไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิงที่ยังมีผลอยู่และเป็นการกระทำที่ขัดต่อพันธสัญญาภายใต้ข้อลงนามหยุดยิงแห่งชาติฉบับใหม่
โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้อพยพกลุ่มใหม่ในเมืองสู้ ได้ออกมาชุมนุมถือป้ายเรียกร้องสันติภาพ และเรียกร้องกองทัพพม่าอย่าก่อสงครามในบ้านของพวกเขา เป็นเรื่องที่เร่งด่วนอย่างยิ่งที่ประชาคมนานาชาติต้องฟังเสียงของชาวบ้านเหล่านี้มากกว่าที่จะยินดีกับการลงนามหยุดยิงแห่งชาติ ประชาคมนานาชาติควรที่จะออกมาโจมตีต่อสงครามที่กำลังดำเนินไปในรัฐชาติพันธุ์โดยกองทัพพม่า และควรออกมาเรียกร้องให้กองทัพพม่าถอนทหาร หากเนปีดอว์ยุติโจมตีทางทหารและถอนทหารออกไป นี่จะเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความไว้เนื้อเชื่อใจกันและการเจรจาทางการเมือง และทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความหวังที่จะเห็นความสงบสุขที่แท้จริง
……………
บทความโดย จ๋ามตอง นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ซึ่งเคยได้รับหลายรางวัล รวมถึงรางวัลสันติภาพของนักศึกษา (Student Peace Prize) ของประเทศนอร์เวย์ ประจำปี 2550 บทความนี้ตีพิมพ์ลงใน Bangkok Post เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2558
แปลโดย Transborder News