
เมื่อเร็วๆ นี้ แม้ทางฝ่ายรัฐบาลพม่าและทหารไทใหญ่ SSPP/SSA จะพบหารือกันที่ย่างกุ้งเพื่อหาแนวทางยุติปัญหาการสู้รบที่เกิดขึ้นทางภาคกลางของรัฐฉาน แต่การหารือก็ยังไม่คืบหน้า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีข้อถกเถียงเรื่องเขตพื้นที่ควบคุมที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้งนี้ ทางฝ่ายพม่าต้องการให้ทหารไทใหญ่ SSPP/SSA ทิ้งฐานที่มั่นของตัวเองทางภาคกลางของรัฐฉาน ขณะที่ทหารพม่ายังคงเพิ่มกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่ของ SSPP/SSA และโจมตีทหารไทใหญ่อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้สงครามในรัฐฉานทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ด้านทีมเจรจาของทหารไทใหญ่ SSPP/SSA นำโดยเจ้าคำตี่และคณะ ได้เดินทางไปพบกับคณะกรรมการทำงานสร้างสันติภาพ(UPWC) ซึ่งมีนายอูขิ่นหม่องโซ รัฐมนตรีด้านกระทรวงไฟฟ้าของพม่าและคณะที่ย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการหารือที่ยังไม่เสร็จสิ้น ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอีกครั้งในวันอังคาร 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีความก้าวหน้า เพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ มีรายงาว่า บรรยากาศในการประชุมของทั้งสองฝ่ายมีแต่การถกเถียงกัน โดยเฉพาะในเรื่องเขตพื้นที่ควบคุม โดยทางฝ่ายพม่าต้องการให้ SSPP/SSA ถอนออกจากเขตควบคุมของตัวเองทั้งหมด นอกจากนี้ยังระบุว่า หาก SSPP/SSA ต้องการทำธุรกิจจะต้องอยู่ในฐานะพลเมืองและเจรจากับฝ่ายพม่า อีกทั้งในที่ประชุม ทางฝ่ายพม่ายังระบุว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะโจมตีฐานบัญชาการใหญ่บ้านไฮของ SSPP/SSA แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการหารือหาแนวทางที่จะช่วยเหลือให้โรงเรียน 17 แห่งที่ถูกปิดชั่วคราวเนื่องจากสงครามให้สามารถกลับมาเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้ง รวมทั้งจะหาทางช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นภายในกลับบ้าน แต่ในขณะที่มีการเจรจาเพื่อยุติปัญหาสู้รบ อีกด้านหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน กองทัพพม่าได้ส่งกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และวันที่ 23 พฤศจิกายนทหารพม่าได้เข้าโจมตีทหารไทใหญ่ SSPP/SSA รุนแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีรายงานทหารพม่าใช้เครื่องบินรบโจมตีในช่วง 2-3 วันมานี้
สงครามที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ทางภาคกลางของรัฐฉาน ทหารพม่าและทหารไทใหญ่ได้ปะทะกันกว่า 40 ครั้ง และยังทำให้มีผู้พลัดถิ่นภายในจากเมืองสู้ เมืองหนอง และเมืองเกซีมากกว่า 10,000 คน ด้านพลตรีเจ้าป่างฟ้า ผู้นำ SSPP/SSA ได้ออกมาขอบคุณผู้บริจาคที่ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงคราม และขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุน SSPP/SSA โดยระบุในจดหมายว่า สงครามที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เป็นสงครามที่ผิดกฎหมายและไม่เป็นธรรม เป็นการกระทำที่รุกล้ำเข้ามาในเขต SSPP/SSA และรุกล้ำเข้ามาในหมู่บ้านพลเรือนชาวไทใหญ่ ไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นเช่นไร ชาวไทใหญ่จะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องภัยอันตรายที่จะมากดขี่
ด้านกองทัพรัฐฉานใต้ RCSS/SSA ซึ่งเป็นอีกกองกำลังไทใหญ่ นำโดยเจ้ายอดศึกได้ส่งตัวแทนไปบริจาคอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของให้กับผู้พลัดถิ่นภายในจากสงครามที่พักอาศัยอยู่ในที่วัดในเมืองลายค่า โดยทาง RCSS/SSA ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธ 8 กลุ่มที่ลงนามหยุดยิงแห่งชาติกับรัฐบาลพม่าจะร่วมกันเขียนจดหมายถึงรัฐบาลพม่าให้ใช้การเมืองแก้ปัญหาความขัดแย้ง
อีกด้านหนึ่ง ส.ส.ไทใหญ่ได้เรียกร้องในสภาให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้พลัดถ่นภายในจากสงคราม เพราะจนถึงขณะนี้ มีเพียงกลุ่มภาคสังคมอย่างคนหนุ่มสาวไทใหญ่ พรรคการเมือง และกลุ่มศาสนาเท่านั้นที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่มีความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลพม่า นางหว่านุ ส.ส.จากเมืองกุ๋นเหงระบุว่า ถึงแม้จะมีหลายองค์กรเข้าไปช่วยเหลือ แต่ผู้พลัดถิ่นภายในเหล่านั้นยังขาดแคลนอาหาร ด้านนายซอลินเท็ต ส.ส.จากพรรค NLD ออกมากล่าวว่า รัฐบาลนั้นมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม รวมถึงมีหน้ายุติสงคราม
ที่มา Panglong/Tai Freedom/Irrawaddy
แปลโดย Transborder News