เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2558 นางสลวย หาญทะเล ชาวอูรักลาโว้ยบนเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องขับไล่ออกจากที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะเริ่มส่งสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง เนื่องจากนายทุนที่อ้างเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเริ่มขนเสาปูน และอุปกรณ์ก่อสร้างมาวางหน้าบ้านของตนและบ้านญาติๆ เพื่อเตรียมสร้างกำแพง โดยที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้ว่าลักษณะกำแพงนั้นจะสูงเพียงใด ทั้งนี้ก่อนการขนอุปกรณ์ก่อสร้างมาวางไว้ใกล้ๆ บ้านนั้น ทางนายทุนที่อ้างกรรมสิทธิ์ ได้ส่งลูกจ้างเข้ามาเจรจากับตนและญาติๆ
เพื่อให้ย้าย เพราะเจ้าของที่ดินต้องการสร้างรีสอร์ทสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวโดยลูกจ้างเหล่านั้นได้ข่มขู่ชาวบ้านและใช้ถ้อยคำรุนแรงเพื่อบังคับให้ออกจากที่ดินโดยเร็วที่สุด ตนและชาวบ้านใกล้เคียงตกใจมากจึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ เพื่อบันทึกข้อมูล หากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นมา
“จริงแล้วเรื่องฟ้องไล่ที่ดินเป็นเรื่องกันมานานแล้ว การดำเนินคดีอยู่ในชั้นศาลอยู่ ที่ดินแปลงนี้เป็นของลูกหลานนางดารา อังโชติพันธุ์ ซึ่งมีเงินเยอะที่สุดในเกาะ เราเข้าใจได้ว่าสิทธิ์ตามหลักฐานที่เห็นตอนนี้เป็นของเขา แต่การได้มามันยังไม่แน่ชัด เพราะที่ดินมันเปลี่ยนมือ เขาอ้างทุกครั้งว่าจะเอาไปทำนั่น ทำนี่ แต่ส่วนมากมักปล่อยเช่าระยะยาว หรือขาย แต่พวกเราโดนสั่งย้าย โดนบังคับย้าย โดยมีทนายส่งจดหมายมาหาประมาณ 5-6 ครั้ง ครั้งนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะย้ายไปไหน ถ้าสร้างกำแพงกั้นขึ้นมา เราก็ไม่มีทางเข้า-ออกเกาะแล้ว ถนนในหมู่บ้านเราก็ใช้ลำบาก ถ้าเขาทำกำแพงสูงกั้น” นางสลวย กล่าว
นางสลวย กล่าวด้วยว่า เมื่อก่อนชาวบ้านอูรักลาโว้ยใครมีบ้านอยู่ติดชายทะเลจะถูกไล่รื้อช่วงแรกๆ แต่ระยะหลังเริ่มลามเข้ามายังครอบครัวที่อยู่ด้านในของเกาะแล้ว เพราะการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยชาวบ้านที่ถูกบังคับให้ออกจากที่ดินนั้น ส่วนมากไม่มีเงิน จะหาวัสดุสร้างบ้านใหม่ก็จะลำบาก หรือบางคนยอมทำตามโดยดีก็จะได้เงินมาไม่กี่หมื่นบาท แค่ค่าเสาบ้านก็ใช้เงินมหาศาลแล้ว ค่าช่าง ค่าต่อน้ำต่อไฟ และอื่นๆอีก ถึงอย่างไรชาวบ้านก็ต้องแบกรับภาระดังกล่าวไม่ไหว โดยส่วนตัวอยากให้นายทุนที่เป็นเจ้าของที่ดินเห็นใจและยอมรับการอยู่ร่วมกันของชาวบ้านบ้าง หรืออย่างน้อยรอกระบวนการพิสูจน์การครอบครองที่ดินให้แล้วเสร็จก่อน เพราะคนในชุมชนหลีเป๊ะไม่มีใครต้องการความขัดแย้ง
————-
