สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

วิไลวรรณ แซ่เตีย และสองมือของป้าๆฉันทนาในวันที่ “แสนเหนื่อย”

received_1031815233528428

หลังจากช่วยพ่อแม่ทำนาอยู่หลายปี พออายุได้ 19 “วิไลวรรณ แซ่เตีย” ก็เข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ ต่างบ้านต่างถิ่นเหมือนกับเพื่อนๆ ด้วยความรู้เพียง ป.4 เธอได้งานเป็นสาวฉันทนาในโรงงานทำถุงเท้าแห่งหนึ่งย่านอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร

จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านไปแล้วกว่า 30 ปี เธอยังทำหน้าที่ฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในโรงงานแห่งเดิม จากค่าแรงวันละ 20 บาท เพิ่มเป็น 319 บาทในวันนี้ ค่าจ้างวันละ 319 บาท ที่ดูเหมือนสูงเมื่อเปรียบเทียบกับคนอาชีพเดียวกัน แต่พิจารณาให้ละเอียดจะเห็นว่าอัตราที่เธอได้รับสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ที่วันละ 300 บาท เพียง 19 บาท

received_1031815256861759
มนุษย์คนหนึ่งทำงานมากว่า 30 ปี แต่กลับได้ค่าความรู้ความชำนาญ หรือค่าความอยู่นาน แค่ 19 บาทเท่ากับเครื่องดื่มชาเขียว 1 ขวด ขณะที่นายจ้างนายทุนต่างกอบโกยและสะสมกำไรกินกันไม่หมดจนชั่วลูกชั่วหลาน
จาก “น้องวิ” มาเป็น “พี่วิ” ของเพื่อนรวมงานและกลายเป็น “ป้าวิ” ของหลานๆ ในโรงงาน เวลากว่าครึ่งค่อนชีวิตที่จมหายไปในโรงงานเพื่อแลกกับรายได้เพียงแค่ประทังชีพ

”ถามว่าพอมั้ย มันไม่พอหรอก เมื่อก่อนได้วันละ 50-60 บาทยังดีกว่า เพราะค่าครองชีพ วันนี้เพราะคนงานอาศัยทำโอทีถึงอยู่ได้ ทุกอย่างอาศัยระบบเงินผ่อนเอา แม้แต่ข้าวสารยังต้องผ่อนจ่ายเลย เพราะเราไม่มีเงินเก็บ” ป้าวิสะท้อนชีวิตจริงยิ่งกว่าละครของลูกจ้างไทย

แทบทุกวันวิไลวรรณใช้เวลาตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นอยู่ในโรงงาน ชีวิตหมุนเวียนเช่นนี้มาตลอด จนปี 2526 เธอสมัครเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน อีก 1 ปีต่อมา เธอได้เข้าร่วมกับคนงานกลุ่มย่านต่างๆ เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกการจ้างงานระยะสั้นจนสำเร็จ

วิไลวรรณเป็นที่ยอมรับในแวดวงแรงงานในฐานะผู้นำแรงงานหญิง ซึ่งผ่านการต่อสู้เรียกร้องสิทธิประโยชน์ของคนงานในหลายๆ เรื่อง เช่น การลาคลอดบุตร การเรียกร้องจัดตั้งกองทุนประกันสังคม ขณะนี้เธอได้รับการยอมรับให้นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยซึ่งเป็นการรวมตัวขององค์กรด้านแรงงานอย่างหลากหลาย ไม่ใช่แข็งตัวเหมือนเหล่าสภาองค์กรลูกจ้างต่างๆ ที่ระยะหลังระดมกันจดทะเบียนเพื่อรองรับผลประโยชน์ที่รัฐจัดสรรให้ ”อยู่ในโรงงานคนนั้นคนนี้ก็มาปรับทุกข์อยู่เรื่อยๆ บางคนทะเลาะกับสามี บางคนบ่นคิดถึงลูกที่ฝากไว้กับพ่อแม่ในต่างจังหวัด เราก็ให้กำลังใจกันไป มันเหมือนเราอยู่ในสังคมที่มีแต่ความทุกข์ แต่ปัญหาหลักคือเรื่องเศรษฐกิจของพวกเขา” เธอเล่าถึงบรรยากาศในที่ทำงาน ”ทุกคนคิดถึงความก้าวหน้าในชีวิตด้วยกันทั้งนั้นแหละ อยากเก็บเงินได้สักก้อนแล้วกลับไปทำกิจการเล็กๆ ในต่างจังหวัด บางคนใช้เวลาว่างเรียนตัดเย็บ เรียนทำผม แต่มีไม่กี่คนหรอกที่ประสบความสำเร็จ” ป้าวิพูดถึงอนาคตของเหล่าลูกจ้างในโรงงานที่น่าใจหาย เช่นเดียวกับป้าๆหลายคนที่อายุทะลุหลักหกแล้ว แต่ก็ยังต้องทำงานกินค่าจ้างรายวัน เพราะไม่ทำก็ไม่มีกิน

12557808_1030743546968930_2126455260_o

ป้าวิและป้าๆหลายคนพยายามหาทางออกให้ปั้นปลายชีวิตด้วยการทำอาชีพเสริม เช่น ทำสบู่ขาย ขณะเดียวกันก็แบ่งปันเวลาจุนเจอสังคมโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เพราะความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมยังคงเดินคู่อยู่กับชนกรรมาชีพ

ปลายปี 2558 เกิดข้อพิพาทแรงงานในบริษัทซันโคโกเซฯ และไม่สามารถตกลงกันได้ ลูกจ้างจึงเดินทางมาชุมนุมที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งวิไลวรรณและผู้นำแรงงานต่างออกมาสนับสนุนการเรียกร้องสิทธิ์ของสหภาพแรงงานในครั้งนี้ แต่ผลสุดท้ายกลับถูกทหารและตำรวจกดดันให้สลายการชุมนุม โดยผู้นำแรงงานบางคนถูกควบคุมตัว ขณะที่อีกหลายคนถูกคุกคามด้วยการตามประกบของเจ้าหน้าที่รัฐ

“เราออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของคนงาน ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง ก็บอกเขาว่าไม่ต้องมาตามอยู่ตลอดหรอก เพราะยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย” ป้าวิถูกทหารและตำรวจที่อ้างว่ามาจากศูนย์ดำรงธรรมบุกเข้าไปถึงที่พักเมื่อคืนวันที่ 13 มกราคม โดยเข้าไปถ่ายภาพ แต่เมื่อไม่เจอป้าวิจึงตามไปยังที่ทำการของกลุ่ม

การบุกเข้าไปยามวิกาลของชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบ ทำให้ป้าๆลูกจ้างรู้สึกตกใจ โดยเฉพาะหอพักเหล่านั้นมีแต่คนงานสตรีแทบทั้งสิ้น ในที่สุดจึงได้มีการโทรศัพท์ประสานไปยังเพื่อนๆคนงานในบริเวณใกล้เคียงให้มาร่วมในเหตุการณ์

“เราก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เพราะเคยผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากแล้ว ก็บอกเขาว่าไม่อยากให้ทำเช่นนี้ เพราะเขาจะเสียหายเอง” ป้าวิเล่า ภายหลังจากที่เข้าไปพบกับนายทหารในกรมทหารราบ 11

วันนี้ป้าวิและป้าๆฉันทนายังคงใช้สองมือทำหน้าที่ถักทออย่างเข้มแข็ง แม้ถูกตามประกบตัวจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเมื่อออกเดินทางไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งน่าอึดอัด แต่ก็ตกอยู่ในสภาพ “จำยอม”

ทุกยุคทุกสมัยในยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในความสลัว ผู้นำแรงงานก็มักจะถูกจับจ้อง หลายคนถูกอุ้มหายเพราะผู้มีอำนาจมักไม่ไว้ใจ “พลังกรรมกร” ที่ยืนเคียงคู่กับประชาชน แม้ว่าวันนี้บริบทของขบวนการแรงงานจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่จิตวิญญาณยังแฝงอยู่ในหลายที่ หลายแห่ง

สองมือของป้าวิและป้าๆฉันทนาดูช่างเข้มแข็งกว่าหลายมือที่ถืออาวุธมากมาย

————-

หมายเหตุ-ผมนำงานเขียนเก่าที่เล่าเรื่องราวของ “ป้าวิ”วิไลวรรณ แซ่เตีย มาปัดฝุ่นและแก้ไขอีกครั้งด้วยความสลดใจ ภายหลังจากทราบข่าวว่าป้าวิและเหล่าผู้นำแรงงานถูกคุกคาม ทั้งๆที่ป้าๆมีแค่สองมือที่ใช้ทอผ้า

/////////////////////

ภาสกร จำลองราช

On Key

Related Posts

นักวิชาการหลายสถาบันเห็นพ้องทบทวนโครงการผันน้ำยวม ชี้ไม่คุ้มค่าการลงทุนนับแสนล้าน-ปริมาณน้ำไม่พอ-อีไอเอไม่คลอบคลุม ชาวบ้านผู้รับผลกระทบวอนให้ลงดูพื้นที่จริง

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 9.00 น. ที่ห้องประRead More →

ร่วมรำลึก 10 ปี ‘บิลลี่’ ถูกอุ้มหาย ชี้สูญชีวิตแต่ไม่สูญเปล่า ไทยเกิดกฎหมายป้องกันคนหาย และเป็นแรงบันดาลใจคนบางกลอยรุ่นใหม่ต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนกะเหรี่ยง

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่บ้านบางกลอย ต.ห้วยแมRead More →

ย้ายอองซานซูจี-อูวินมิ้น ออกจากเรือนจำไปบ้านพักเหตุสุขภาพย่ำแย่ ฝ่ายต่อต้านโจมตีโรงเรียนนายร้อยทหารในเมืองปวินอูหลิ่น มีผู้เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บอีก 12 นาย

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 เมษายน 2567  สำนักข่าว ChindRead More →

KNU ประกาศกอบกู้มหารัฐกลอทูเลภายใต้ปฏิบัติการ Taw Mae Pha Operation ยื่นคำขาดทหารทัพแตกมอบตัวภายใน 2-3 วัน เผยเตรียมหารือกองกำลังฝ่ายต่อต้านบริหารเมืองเมียวดี ระบุสกัดกั้นทัพเสริม SACจนถอยร่น

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 ภายหลังกองปลดปล่อยแห่งชRead More →