เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2559 ที่หาดราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งนายทุนว่าจ้างและกลุ่มชาวเลในชุมชนหาดราไวย์ หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากันมาตั้งแต่วันที่ 26 ซึ่งนายทุนได้นำทหารและตำรวจหลายสิบนายลงมาเคลียร์พื้นที่เพื่อปลูกสร้างอาคารโดยปิดเส้นทางที่ชาวบ้านใช้อยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันต่อต้าน โดยก่อนเกิดเหตุปะทะกัน ในช่วงเช้าวันนี้ชาวเลได้รวมกลุ่มกันราว 70 คน เพื่อเตรียมตัวไปยื่นหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเดินทางมายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต แต่ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่เข้ามาปิดเส้นทาง พร้อมทั้งใช้รถรถสิบล้อและแบคโฮขนก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางเส้นทางที่ชาวบ้านใช้อยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและขัดขวางจึงเกิดการปะทะกันจนชาวเลได้รับบาดเจ็บหลายราย
ทั้งนี้ระหว่างการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจำนวนมากได้ยืนดูอยู่ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสมเพราะเข้าข้างนายทุน
ชาวเลที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2559 นายทุนในพื้นที่ได้นำเครื่องจักรเข้ามายังพื้นที่บริเวณที่อยู่ติดกับชุมชนชาวเลหาดราไวย์ โดยที่ดินที่นายทุนนำเครื่องจักรเข้ามานั้น เป็นบริเวณประกอบพิธีกรรมของชาวเล โดยนายทุนได้นำกำลังทหาร และตำรวจหลายสิบคนมาปิดล้อมพื้นที่ เข้า-ออก ซึ่งเป็นเส้นทางสาธารณะ โดยนายทุนอ้างกรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดินอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการพิสูจน์เอกสารสิทธิในที่ดินชุมชนราไวย์ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าถูกต้องหรือไม่
นายสนิท แซ่ซั่ว ชาวเลในชุมชนหาดราไวย์กล่าวว่า หลังจากเมื่อ26 มกราคม 2559 นายทุนได้จ้างคนงานกลุ่มหนึ่ง พร้อมกำลังทหารปิดล้อมพื้นที่ชุมชนราไวย์ ชาวบ้านรวมตัวกันคัดค้าน และวันนี้(27 มกราคม) พวกตนได้เตรียมยื่นหนังสือให้ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อเรียกร้อง 4 ประเด็นหลักเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของชาติพันธุ์ชาวเลในพื้นที่ คือ 1 เร่งรัดการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินชุมชนชาวเลราไวย์ ตามมติคณะกรรมการฟื้นฟู วิถีชีวิตชาวเล 2 ให้มีการคุ้มครองพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย )และชายหาดตลอดหน้าแนวเขตเสาไฟฟ้า 3 ตรวจสอบหน่วยงานทหารที่เข้ามาดำเนินการในพื้นที่ เพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชุมชน 4 ให้เร่งรัดการประกาศการสร้างเขตสังคมและวัฒนธรรมพิเศษ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง
