เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ชาวเลจากชุมชนราไวย์ จังหวัดภูเก็ต 30 คน ซึ่งกำลังเดือนร้อนจากการพิพาทเรื่องที่ดินกับภาคเอกชน ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยได้รวมตัวกันในบริเวณสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลประตู 4 เพื่อยื่นหนังสือถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งรัดแก้ปัญหาที่ดินในชุมชนราไวย์ที่เกิดข้อพิพาทและถูกกลุ่มคนร้ายรุมทำร้ายร่างกาย เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ทั้งนี้เวลาประมาณ 09.30น.ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือพร้อมแนบเอกสารสรุปที่มาของปัญหาชุมชนราไวย์ และยื่นข้อเรียกร้องต่อ พล.ต.ท. ธรรมศักดิ์ โดยนายสนิท แซ่ซั่ว ชาวเลราไวย์ ได้อ่านข้อเรียกร้องว่า 1. ขอให้รองนายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการตามมติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ที่ออกเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 โดยยกระดับคณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดิน ที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล ซึ่งมีพลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน
2. เร่งสั่งการให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบธรรม กรณีชุมชนราไวย์ภายใน 1.เดือน ตามที่คณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินฯ ได้มอบหมายให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอไอ) รวบรวมหลักฐานและตรวจสอบหลักฐานทุกอย่างแล้วยืนยันว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินชาวเลราไวย์ จำนวน 19 ไร่ จริง
3. มอบหมายให้คณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินฯ ตรวจสอบกระบวยการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ข้อพิพาทระหว่างบริษัทบารอน เวิร์ลเทรด จำกัดจำนวน33ไร่ ซึ่งออกทับที่สาธารณะและบาไลอันเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน บ่อน้ำโบราณของชาวเล และคลองหลาโอน 4. ขอให้เร่งตรวจสอบคดีผู้มีอิทธิพลที่รุมทำร้ายชาวบ้านโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ภายหลังการยื่นหนังสือ พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ได้เชิญชาวบ้านเข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟังข้อมูลเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าตนยินดีจะส่งเรื่องให้รองนายกรับทราบแต่ขอดูหลักฐานภาพถ่าย วิดีโอ และเอกสารอื่นๆ และยืนยันว่าเรื่องคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจสถานีตำรวจภูธรฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ดำเนินการไป
พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ กล่าวกับชาวบ้านด้วยว่า กรณีปัญหาส่วนใหญ่ตนก็อยากจะดูรายละเอียดเพิ่มเติม แต่เข้าใจว่าทางจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วน่าจะหาทางออกได้ และไม่ต้องการให้ชาวบ้านต้องเดินทางมากรุงเทพฯ อีก
ทั้งนี้ทันทีที่พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์พูดจบ ชาวบ้านหลายคนพากันร่ำไห้ เพราะรู้สึกกดดันและรู้สึกว่าปัญหาของพวกตนไม่มีทางออก
ด้านนายสนิท กล่าวในที่ประชุมว่า ก่อนที่ชาวบ้านจะออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตมายังกรุงเทพฯ นั้นได้แบ่งกลุ่มไปเรียกร้องที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามความคืบหน้าต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ก็ยังคงเฝ้ารอ แต่เพราะที่ผ่านมาหลายครั้งทางจังหวัดไม่ได้ดำเนินการไปตามคำเรียกร้องของชาวบ้าน เช่น กรณีที่ดินสาธารณะที่มีการเปิดให้ใช้ถนนกว้างแค่3เมตร เมื่อถึงช่วงมรสุม ทางก็จะลดแคบเพราะน้ำขึ้นไปเยอะ ชาวบ้านเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมเช่นเดิม และหากบริษัทบารอนฯ ปรับปรุงสถานที่ เช่น สร้างกำแพง หรือปลูกสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ชาวบ้านจะเดือดร้อนกว่าเดิม จึงอยากให้รองนายกฯเร่งรัดการแก้ปัญหาทุกอย่างโดยเร็ว เพราะเชื่อว่าคำสั่งส่วนกลางจะมีพลังกว่า
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น เวลาประมาณ 10.30 น.ชาวบ้านร่วมกันถือป้ายเรียกร้องสิทธิ์ชาวเลทั้งเรื่องที่ดินอยู่อาศัย และที่ทำกิน ในฐานะชาติพันธุ์พื้นเมืองของไทย และทยอยเดินออกจากห้องประชุม ก่อนจะจัดแสดงรองเง็ง บริเวณศูนย์ร้องทุกข์
ด้านนายสงัด หาดราวี ชาวประมงชุมชนหาดราไวย์ กล่าวว่า หลังจากกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายชาวบ้านและทำลายเครื่องมือประมง ชาวเลราไวย์ที่ทำอาชีพประมงเดือดร้อนอย่างมาก โดยมีลอบและไซดักปลาเสียหายกว่า10 ชิ้น ชาวประมงต้องเสียเงินค่าซ่อมเครื่องมือหาปลาอย่างต่ำชุดละ 5,000 บาท โดยชาวบ้านกู้เงินนอกระบบจ่ายดอกเบี้ยราวร้อยละ20 ซึ่งจำใจต้องทำเพราะไม่มีหนทางอื่นจะหากิน
“ก็หลายหมื่น และไม่รู้เขาจะให้เราออกหาปลาเมื่อไหร่ อุทยานเขาจะให้เราไปหาปลา แต่เราไม่กล้าปล่อยเครื่องมือพัง เราก็ซ่อมรอ แต่มันไม่มีเงินจะให้ผมทำไง ผมไม่มีจริงๆ คนที่โดนตี โดนทำร้ายเขาก็มีรายได้แค่100กว่าบาทต่อวัน เก็บของเก่าบ้าง หาหอยทะเลขายบ้าง เราไม่เหลืออะไรแล้ว” นายสงัดกล่าว
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มชาวเลได้เดินทางต่อไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อติดตามเรื่องเขตวัฒนธรรมพิเศษซึ่งคณะรัฐมนตรีเคยมีมติไปตั้งแต่ปี 2553 แต่กลับไม่มีผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำให้ชาวเลยังประสบปัญหาต่างๆ มากมาย
ขณะเดียวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชาวเลชุมชนราไวย์อีกกลุ่มหนึ่งราว 100 คนได้เดินทางมารอฟังคำตอบ ภายหลังจากที่เพื่อนบ้านในชุมชนราไวย์ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่กทม. โดยชาวเลกลุ่มนี้ได้นำข่าวที่ชาวเลชุมชนราไวย์ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาติดไว้เพื่อให้ผู้ที่ผ่านไป-มาได้เข้าใจเรื่องราวของพวกเขา โดยตลอดทั้งวันได้รับความสนใจและกำลังใจจากชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวต่างชาติพอสมควร
นายนิรันดร์ หยังปาน ชาวเลชุมชนราไวย์กล่าวว่า ชาวบ้านอยากอยู่รอจนได้รับคำตอบที่ตัวแทนไปยื่นเรื่องในกทม. 4 ข้อ ซึ่งหากไม่มีการตอบรับใดๆ ชาวบ้านก็จะเดินทางมารวมตัวกันที่นี่ทุกวัน อย่างไรก็ตามล่าสุดนายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าฯภูเก็ตได้เดินทางมาพบพวกตน โดยบอกว่าปัญหาอยู่ระหว่างการประชุมแก้ไข และขอให้พวกตนกลับไปก่อน แต่ได้ยืนยันไปว่าจะรวมตัวกันเช่นนี้จนกว่าจะได้รับคำตอบ
—————
