Search

ประชาชนหลายจังหวัด เคลื่อนพลเข้ากรุงฯ ทวงคืนผังเมืองที่เป็นธรรม เกษตรกรค้านอุตสาหกรรม ขอ รบ.เว้นพื้นที่เพื่อผลิตอาหารแก่คนไทย

received_520415174786048

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ที่อาคารสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) เครือข่ายประชาชนเพื่อพัฒนาที่ยั่งยืน จากหลายจังหวัด อาทิ ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก จันทบุรี กระบี่ ฯลฯ ประมาณ 100 คน ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 3/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และคำสั่งที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ได้รวมตัวกันปักหลักประท้วงรัฐบาลเพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเพื่อการบริหารทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ซึ่งการรวมตัวในวันนี้เป็นการทวงถามความคืบหน้าภายหลังที่เครือข่ายฯ ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานราชการไปแล้วหลายส่วนเมื่อต้นเดือนภุมภาพันธ์ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตอบรับใดๆ

received_520415148119384
โดยในช่วงเช้าทางเครือข่ายได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ถึง คสช. นำโดย นายกัญจน์ ขัตติยกุล ผู้ประสานงานภาคีบางปะกงสายน้ำแห่งชีวิต ในฐานะตัวแทนเครือข่ายฯ โดยมีเนื้อหาที่สำคัญดังนี้

1. คำสั่งของ คสช.ฉบับที่ 3และ 4 กำลังพาเราไปสู้ “ก้นหอยแห่งความตาย” ภายใต้คำสั่งนี้ความขัดแย้งจาการแย่งชิงทรัพยากรจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดการพัฒนาฉบับ เรี่ยราด ที่ไม่ต้องพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่อีกต่อไป ความขัดแย้งจาการพัฒนาที่ดำรงอยู่ก่อนหน้านี้จะทวีความรุนแรงอีกหลายเท่าตัว

2. คำสั่ง 2 ฉบับสะท้อนวิธีคิดแบบโบราณเป็นการพัฒนาบน ตรรกะแห่งวันวาน เขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ได้เป็นไปเพื่อส่งเสริมความสามารถพิเศษของคนไทย เป็นเพียงการกว้านที่ดินผืนใหญ่หลายแสนไร่ แล้วออกนโยบายดึงดูดให้ต่างชาติหรือทุนอุตสาหกรรมมาลงทุนด้วยการถลุงทรัพยากรของประเทศ ด้วยหวังว่าจะฉุดจีดีพีให้สูงขึ้น เป็นวิธีคิดแบบโบราณที่สร้างหายนะมาแล้วทั่วโลก และซ้ำร้ายยังเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กลุ่มทุนด้วยการยกเลิกผังเมือง คสช.กำลังย้อนหลังการพัฒนาไปเกือบ 40 ปี ด้วยการทำลายกติกาและกฎหมายการพัฒนาที่จะทำให้เกิดการพัฒนาแบบสมดุล

3. คสช.กลายเป็นผู้สร้างเงื่อนไขแห่งความขัดแย้ง ภายใต้คำสั่งยกเลิกผังเมือง เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขอใช้สิทธิแห่งความเป็นพลเมืองที่ไม่อยากเห็นประเทศเดินไปสู่หายนะและความขัดแย้งครั้งใหม่จากเงื่อนไขที่ คสช. สร้างขึ้น จากการยกเลิกกติกา กลไก กฎหมาย โดยหวังให้เกิดความเร็วสนองทุนอุตสาหกรรม การกระทำเช่นนี้กลับทำลายเกราะป้องกันที่สังคมพยายามเพียรสร้างขึ้นมาหลายสิบปี

และ 4. สันติ สติ ยุติ เรามีจุดยืนที่ชัดเจนคือให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3 และ 4 ไม่มีนัยยะและเป้าประสงค์อย่างอื่น เพียงต้องการ กติกา กฎหมายที่เป็นธรรมกลับคืนมา สร้างสันติและความสมดุลแห่งการพัฒนา

received_520415151452717

ด้านนายสมนึก จงมีวศิน ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวภายหลังการอ่านแถลงการณ์ว่า เราจำเป็นต้องรวมตัวกันอีกครั้งเพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ไม่มีการให้คำตอบใดๆ ทั้งนี้แต่เดิมนั้นกฎหมายผังเมืองได้ทำหน้าที่อย่างดีเพื่อการพัฒนาในพื้นที่ที่เหมาะสม แบ่งเขตการพัฒนาด้านต่าง ๆ ตามลักษณะภูมิประเทศในแต่ละจังหวัด เช่น แบ่งเป็นพื้นที่สีเขียว แบ่งเป็นพื้นที่โรงงาน ฯลฯ เพื่อให้เกิดความสมดุลมากที่สุดและเป็นมาตรการที่สำคัญสำหรับประเทศในปัจจุบัน สอดคล้องกับการพัฒนาของโลก แต่ขณะนี้ไทยกำลังล้าหลังด้วยการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มทุน เช่น พยายามแก้ไขผังเมืองเพื่อรองรับ โรงไฟฟ้าตามจังหวัดต่างๆ อาทิ ปทุมธานี นครนายก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการพัฒนาแบบย้อนหลัง ดังนั้น คสช.ควรคิดใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการอ่านแถลงการณ์และแถลงข่าวนั้น ประชาชนทุกคนที่เข้าร่วมปักหลักประท้วงได้ใช้เชือกสีขาวผูกแขนไว้ เพื่อสื่อสารว่า คำสั่ง คสช. กำลังผูกมัดชาวบ้าน และกำลังใช้วิธีการมัดมือชกโดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิใดๆ จากนั้นในภาคบ่ายเครือข่ายฯ ทยอยเดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นทางเครือข่ายยืนยันว่าจะปักหลักอยู่ที่ อาคาร กพร.ทั้งวัน จนกระทั่งฝ่ายรัฐบาลมีการส่งคนมาเจรจา และหากวันนี้ไม่ได้ผล ตอนค่ำเครือข่ายเคลื่อนขบวนไปพักที่วัดโสมนัส และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนกันอีกทีในวันพรุ่งนี้(24 กุมภาพันธ์) โดยรูปแบบกิจกรรมนั้นทางเครือข่ายจะเปิดเผยให้ทราบแบบวันต่อวัน

นางสาวยุพดี บินยูชีพ ชาวตำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก กล่าวว่า ตนตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมยื่นหนังสือต่อรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการท้าทายอำนาจใดๆ แต่อยากร้องเรียนและเชิญชวนคณะรัฐมนตรี หรือข้าราชการผู้ใหญ่ รวมทั้งนักการเมือง ลงพื้นที่ไปดูเขตมรดกโลกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในส่วนของจังหวัดนครนายกบ้าง เพราะอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกเป็นเหมือนไข่แดงที่ยังบริสุทธิ์ ไม่มีเขตอุตสาหกรรม แต่พอมีการแก้ไขผังเมืองกลับกลายเป็นว่าโครงการอันจะก่อเกิดมลพิษทั้งโรงไฟฟ้าขยะ และโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนัง กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าชาวบ้านไม่คัดค้านอาจเป็นไปได้ว่า พื้นที่ท่องเที่ยวอันเป็นสีเขียวที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ฯ ก็เสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นกัน ภาคการท่องเที่ยวและภาคการเกษตรก็จะล่มสลายไปด้วย

received_520415418119357
นางสาวยุพดี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมาการต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าขยะเป็นไปอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด เพราะชาวบ้านมีความกังวลว่าแหล่งน้ำในพื้นที่จะเกิดมลพิษได้ หากมีอุตสาหกรรมสกปรก โดยชาวบ้านได้คัดค้านการจัดประชาพิจารณ์แบบป่าหี่มาแล้ว และล่าสุดเมื่อปลายปี2558ชาวบ้านได้ฟ้องศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เรื่องกำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เนื่องจากกิจการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยที่มีแผนจะสร้างในจังหวัดนครนายกนั้น มีการละเว้นการทำรายงาน อีไอเอ จึงนับว่า ประกาศดังกล่าวไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชน ซึ่งทางศาลได้รับฟ้องไว้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเอกสาร หลักฐานและจะนัดชาวบ้านไปให้ข้อมูลลำดับต่อไป

ขณะที่นางจำลอง อัมราปาล ชาวบ้านวัย 54 ปี จากตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้ตัวแทนชาวบ้านตำบลเชียงรากใหญ่หลายรายเดินทางมาร่วมขบวนกับเครือข่ายฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าจากรัฐบาล ภายหลังการยื่นหนังสือขอคืนผังเมืองที่เป็นธรรม และอยากขอร้องรัฐบาลให้ยกเลิกแผนสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่เชียงรากใหญ่ เนื่องจากพื้นที่ๆจะดำเนินการสร้างนั้น เป็นพื้นที่ของโรงสูบน้ำประปาส่งเข้าสู่ประชากรชาวกรุงเทพ ฯ และบางส่วนในปริมณฑล หากมีโรงไฟฟ้าเกรงว่า คลองประปาจะเป็นพิษ ก่อมลภาวะและทำลายสุขภาพประชาชน
“คือเราทำเกษตรมาทั้งชีวิต ป้าเองก็แก่แล้วนะ ไม่เคยต้องมารอรัฐบาลใด ยาวนานเท่านี้เลย ป้าว่ายังไงๆเราปลูกผัก ปลูกข้าวมานาน เราควรมีโอกาสทำต่อ เราใช้น้ำเพื่อการเกษตร คนกรุงก็ใช้น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ถ้ามีอุตสาหกรรมแล้วพวกเราจะใช้น้ำอย่างปลอดภัยได้ไง ป้าว่าพอเถอะ ระยอง ชลบุรี โรงงานมันเยอะแล้ว เว้นโครงการบ้างเถอะ สงสารเกษตรกรบ้าง เราขอพื้นที่สำหรับผลิตอาหารเพื่อปากท้องเราบ้างเท่านั้นเอง” นางจำลอง กล่าว

//////////////////////////

On Key

Related Posts

ผวาเหมืองทองเกลื่อนน้ำกก กองกำลังว้าจับมือจีนขุดแร่ทำลำน้ำขุ่น ชาวท่าตอนผวาเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาลไทยปกป้อง หวั่นสารพิษปนเปื้อนลงสายน้ำแหล่งประปาของคนเชียงราย

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 น.ส.หอม ผู้ประสานงานมูลRead More →

เพลงชาติกะเหรี่ยงดังกระหึ่มแม่น้ำสาละวินหลังปลอดทหารพม่าในรอบกว่า 20 ปี ชาวบ้าน 2 ฝั่งแดนร่วมจัดงานวันหยุดเขื่อนคึกคักหลังพื้นที่ปลอดทหารพม่า “ครูตี๋”ใช้บทเรียนแม่น้ำโขงถูกทำลายปางตายแนะชุมชนสู้

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่บริเวณหาดทรายริมแม่นRead More →