
เครือข่ายปกป้องแม่น้ำสาละวิน (Save the Salween Network – SSN) ซึ่งประกอบด้วย 9 องค์กรที่ทำงานเพื่อปกป้องแม่น้ำและทำงานด้านภาคสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าชุดใหม่ที่จะขึ้นมาบริหารประเทศ หยุดทุกโครงการสร้างเขื่อนที่จะเกิดขึ้นบนแม่น้ำสาละวิน
ในแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่รัฐบาลใหม่ให้สัญญาที่จะรับรองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ และจัดตั้งระบอบสหพันธรัฐ ดังนั้น ทางเครือข่ายปกป้องแม่น้ำสาละวิน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่หยุดทุกโครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวิน เพราะโครงการเหล่านี้จะส่งผลกระทบและเป็นหายนะต่อชีวิตของชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์จนไม่อาจประเมินได้ ในแถลงการณ์ยังระบุว่า หากโครงการเขื่อนเกิดขึ้น จะยิ่งสร้างความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้ ยังจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และกระบวนการสันติภาพที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
นาย ซอ ทา โพ จากองค์กร Karen River Watch หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายปกป้องแม่น้ำสาละวิน เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลเกี่ยวกับข่าวข้อตกลงของรัฐบาลพม่าและรัฐบาลจีน เกี่ยวกับแผนที่จะสร้างเขื่อนใหม่อีก 18 แห่ง บนแม่น้ำในพม่า ซึ่งได้ตกลงกันไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยรายละเอียดของการตกลงยังไม่มีการเปิดเผย
“รัฐบาลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเขื่อน 18 แห่ง แต่เราเพิ่งทราบว่า มีแผนที่จะสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวิน” นาย ซอ ทา โพ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดข้อตกลงถึงถูกทำขึ้นโดยเร่งรีบ ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระในเร็วๆ นี้
จากข้อมูลของนาย ซอ ทา โพ พบว่า มีเขื่อน 6 แห่งที่กำลังก่อสร้างบนแม่น้ำสาละวิน คือ เขื่อนกุ๋นโหลง เขื่อนมายตง (บางครั้งเรียกเขื่อนเมืองโต๋น หรือ เขื่อนท่าซาง)
เขื่อนหนองผา เขื่อนมานตอง ในรัฐฉาน เขื่อนยวาติ๊ด ในรัฐคะเรนนี และเขื่อนฮัตจี ในรัฐกะเหรี่ยง
ข้อมูลจากเครือข่ายปกป้องแม่น้ำสาละวินระบุว่า เขื่อนทั้ง 6 แห่ง จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกันได้ 15,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งได้รับทุนจากจีน พม่าและนักลงทุนไทย ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของชาวบ้านและความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำสะละวิน
ในขณะที่เขื่อนเมืองโต๋น บนแม่น้ำสาละวินในรัฐฉานจะเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเช่นเดียวกัน จะเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน ต่อชุมชนชาวในรัฐฉาน รัฐคะเรนนี รัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญอย่างไม่อาจประเมินค่าด้วยเช่นเดียวกัน
เครือข่ายปกป้องแม่น้ำสาละวินยังเปิดเผยอีกว่า โครงการเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน ยังก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและริดรอนสิทธิของชาวพื้นเมือง และยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟสร้างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เมื่อมีโครงการเขื่อนเกิดขึ้น ทางกองทัพพม่าก็จะอ้างว่า ต้องเข้าไปรักษาความปลอดภัยให้กับเขื่อน จึงเข้าไปขยายอาณาเขตในพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ นำมาซึ่งภัยคุกคามต่อกระบวนการสันติภาพ ชีวิตและทรัพย์สินของคนชาติพันธุ์ที่เป็นคนท้องถิ่นอีกด้วย
ที่มา Irrawaddy
แปลโดย Transborder News



