Search

KNU โดนจวกเละ หลังลงนาม MOU กับรัฐบาลพม่าสร้างเขื่อนในเขตพะโค นักสิ่งแวดล้อมเผยไม่มีการทำรายงานประเมิณผลกระทบ หวั่นชาวบ้านถูกยึดที่ซ้ำรอยโครงการเขื่อนในอดีต

ชาวบ้านทำพิธีสืบชะตาแม่น้ำสาละวิน ต่อต้านโครงการสร้างเขื่อน ภาพโดย Karen Rivers Watch
ชาวบ้านทำพิธีสืบชะตาแม่น้ำสาละวิน ต่อต้านโครงการสร้างเขื่อน ภาพโดย Karen Rivers Watch

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ในโลกโซเชียลอย่างหนัก หลังมีรายงานออกมาว่า นาย ซอ ทา โด มู ประธานบริษัท ทูเล (Thoo Lay Company Limited) บริษัทของ KNU ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับนาย เอ ซาน จากกระทรวงการไฟฟ้าแห่งสหภาพพม่า ที่กรุงเนปีดอว์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อสร้างเขื่อนชื่อ “บอว์ กะ ทะ” กำลังผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 160 เมกะวัตต์ ในเมืองเจ้าก์จี เขตพะโค โดยมีการอ้างว่า ไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนจะถูกนำไปใช้ในเขตพะโคและในรัฐกะเหรี่ยง

มีรายงานว่า ทั้งประชาชนและสมาชิกของ KNU ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลและคัดค้านการลงนามดังกล่าว โดยระบุ ไม่มีการดำเนินการประเมิณที่ถูกต้องเหมาะสม หรือให้คำปรึกษาเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการเขื่อนดังกล่าว ซึ่งจะก่อสร้างบนแม่น้ำ บา กะ ทะ

นายซอ ตอว์ ที บวย เลขาธิการของ KNU เองก็ออกมาเปิดเผยว่า เพิ่งทราบเรื่องจากข่าวอินเทอร์เน็ต และไม่เคยทราบเกี่ยวกับรายละเอียดโครงการดังกล่าว โดยยังระบุ บริษัทของ KNU ควรจะประเมินผลกระทบจากโครงการก่อนที่จะลงนาม MOU และนำเสนอต่อคณะกรรมกลางของ KNU ก่อนที่จะมีการตัดสินใจใดๆ โดยระบุอีกว่า ชาวบ้านในพื้นที่ รวมไปถึงนักสิ่งแวดล้อมควรที่จะเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้คำเสนอแนะเกี่ยวกับผลกระทบของเขื่อน แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีใครทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ MOU ที่ทางบริษัทของ KNU และรัฐบาลพม่าได้ร่วมกันทำไว้แต่อย่างใด

ทางด้านนาง ซามู จากเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อสิ่งแวดล้อมและการเคลื่อนไหวทางสังคม (Karen Environmental and Social Action Network-KESAN) ออกมายืนยันว่า ไม่มีการประเมินผลกระทบก่อนหน้าที่จะมีการลงนาม MOU โดยยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ใกล้กับโครงการเขื่อน “บอว์ กะ ทะ” ต่างกลัวว่า โครงการนี้จะทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ดินทำกินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาวบ้านที่อาศัยใกล้แม่น้ำ “ฉ่วยหยิ่น” เขตพะโคซึ่งโครงการสร้างเขื่อนฉ่วยหยิ่นที่มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้า 75 เมกะวัตต์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2545 แล้วเสร็จเมื่อปี 2554 เขื่อนแห่งนี้ทำให้ชาวบ้านหลายพันคนจาก 45 หมู่บ้าน ต้องพลัดถิ่นที่อยู่

นาง ซามู กล่าวว่า โครงการสร้างเขื่อนควรมีความโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ เช่นเดียวกัน ชาวบ้านท้องถิ่นควรที่จะสามารถเสนอแนะและมีส่วนร่วมในการตัดสินในกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ขณะที่พบว่า บริษัท ทูเล ของ KNU นั้นได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ ธุรกิจก่อสร้างและรถนำเข้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถติดต่อนาย ซอ ทา โด มู ประธานบริษัท ทูเล เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

ที่มา Irrawaddy
แปลโดย Transborder News

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ