เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์2558 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง (สน.นางเลิ้ง)กรุงเทพฯ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ประมาณ50 คนเดินทางไปยื่นอุทธรณ์คัดค้านหนังสือสรุปสาระสำคัญการชุมนุมสาธารณะ ต่อพ.ต.อ.สมโภชน์ สุวรรณจรัส ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.นางเลิ้ง หลังจากเครือข่ายยื่นขออนุญาตตามพระราชบัญญัติ (พรบ.) การชุมนุมสาธารณะ ปี 2558 ไปเมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) เพื่อขอใช้พื้นที่บริเวณหน้าอาคารสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชุมนุมรณรงค์คัดค้านคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ฉบับที่ 3/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และคำสั่งที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท
ดร.สมนึก จงมีวศิน ตัวแทนเครือข่าย ฯ แถลงข่าวก่อนการยื่นอุทธรณ์ ฯ ว่า เมื่อวานนี้ภายหลังการยื่นขออนุญาตในภาคบ่าย ช่วงค่ำทางสน.นางเลิ้งได้ส่งหนังสือถึงเครือข่ายฯ ว่าไม่อนุญาตให้ชุมนุมในที่สาธารณะเนื่องจากเป็นการขัดต่อ พรบ.การชุมนุมฯ และอาจมีนัยทางการเมืองนั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกเหมาะสมนักเพราะเจตนาของประชาชน คือ การชุมนุมอย่างสันติ และการเรียกร้องให้ประชาชนในประเทศเข้าใจถึงผลกระทบของคำสั่ง คสช.นั้นเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนควรได้รับรู้ และการขอใช้พื้นที่ก็คือการขออย่างถูกต้องตามขั้นตอน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจเจตนาของเครือข่ายฯ ด้วย
“การเรียกร้องเรื่องผังเมืองที่เป็นการแบ่งแยกพื้นที่สีเขียว พื้นที่อุตสาหกรรม มีการกันเขตเกษตรเพื่อการเพาะปลูกนั้นประชาชน กับรัฐบาลทำมาตั้งแต่ปี2547 แต่มาปีนี้ ทุกอย่างที่ทำมากลายว่าล้มหมดตามคำสั่งที่3กับ4 กระบวนการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เคยมีการเคร่งครัดมาหละหลวมหมดในปีนี้ เราไม่อยากให้ทุกอย่างฉาบฉวยแบบนั้น” ดร.สมนึกกล่าว
ด้านนางสาวกรรณิการ์ แพแก้ว ตัวแทนกลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า 1 เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธโดยถือได้ว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองต่อเนื่อง อย่างยาวนานตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วโดยได้รับความคุ้มครองตามมาตรา4รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี2557
2 พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558กำหนดให้ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมต้องแจ้งก่อนการจัดการชุมนุมไม่น้อยกว่า24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการจัดการและการดูแลความปลอดภัย มิใช่ระบบที่ต้องได้รับการอนุญาตก่อนการชุมนุม โดยมาตรา11 กำหนดให้ท่านซึ่งเป็นผู้รับแจ้งสรุปสาระสำคัญในการชุมนุมสาธารณะอันเป็นการแจ้งสิทธิและหน้าที่ให้ผู้ชุมนุมทราบแต่มิได้กำหนดหน้าที่อนุญาตหรือมิได้อนุญาตชุมนุมตามที่ท่านกล่าวอ้างในหนังสือ
นางสาวกรรณิการณ์ กล่าวว่า 3 การแจ้งการชุมนุมของเครือข่ายฯ ในครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อเสนอให้รัฐบาลและ คสช.ทบทวนการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่3/2559และ4/2559 ซึ่งเป็นการยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองอันส่งผลกระทบต่อสิทธิชุมชนสิ่งแวดล้อม และสุขภาพประชาชนทั้งประเทศ และมิใช่การชุมนุมทางการเมืองตามนัยประกาศ คสช.ที่7 /2557 และสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ตามที่ท่านให้ความเห็นไว้ในหนังสือ การตีความเรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองไปเสียทุกเรื่องนั้น เป็นการตีความบังคับใช้กฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลจนเกินสมควร และจะทำให้การชุมนุมแสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งหรือนโยบายของ คสช.และรัฐบาลไม่สามารถกระทำได้โดยสิ้นเชิงอันเป็นการประทบกระเทือนสาระสำคัญของเสรีภาพการชุมนุมตามกฎหมายอย่างร้อยแรงและไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาสำคัญของสังคมในระบอบประชาธิปไตย
4 ประกาศ คสช.ที่7 /2557 ที่อ้างถึงตามหนังสือฯ ปัจจุบันไม่มีผลบังคับใช้แล้วเนื่องจากมีการออกคำสั่ง คสช.ที่3/2558 บังคับใช้แทน ด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังกล่าว เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง และให้ขอให้ท่านทบทวนแก้ไขคำสั่ง
ด้านพ.ต.อ.สมโภชน์ กล่าวว่า กล่าวว่า ในเมื่อเครือข่ายฯ ขอยื่นอุทธรณ์ก็ยินดีรับไว้และจะรายงานผู้บังคับการตำรวจนครบาลให้รับทราบ แต่ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า การรวมตัวชุมนุมใดๆก็ตามที่เป็นการคัดค้านนโยบาย คสช.ก็หมายความว่า เป็นการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากต่อต้านคำสั่ง รัฐบาล ซึ่งคำสั่งก็มีค่าเป็นกฎหมาย แต่ทั้งนี้กรณีเครือข่ายยังมีความข้อใจ หรือยังอยากชุมนุมอยู่ ก็ส่งหนังสือถึง คสช.โดยตรง ในส่วนของตำรวจไม่มีหน้าที่อนุญาตแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการส่งหนังสือถึงเครือข่ายฯ เมื่อวานนี้และสรุปสาระสำคัญว่า มีนัยทางการเมือง เป็นความคิดเห็นของตำรวจเอง หรือเป็นคำสั่งของ คสช. เพราะเหตุใดจึงมีการตีความเช่นนั้น พ.ต.อ.สมโภชน์ ตอบว่า เรื่องการตีความเป็นอำนาจของ คสช. ซึ่งเมื่อวานเพียงแค่ประเมินเบื้องต้นว่าไม่อนุญาตให้ชุมนุมเนื่องจากตำรวจท้องที่เห็นว่า เป็นการพยายามขอให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งที่3และ4เป็นการกระทำที่ยังไม่เหมาะสม ถ้าหากประชาชนไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง น่าจะยื่นเรื่องไว้ที่ศูนย์ร้องทุกข์แล้วค่อยเปิดเวทีแก้ไขกันต่อไป ไม่ได้หมายความว่าต้องมาชุมนุมเรียกร้องให้ยกเลิก
อนึ่งในช่วงบ่ายเครือข่ายฯ ได้รับแจ้งว่าตัวแทนขอรัฐบาลขอเชิญเครือข่ายเข้าประชุมเจรจา อย่างเป็นทางการต่อกรณีการเรียกร้องเรื่องผังเมืองและการขอให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งที่3และ4 ปี2559
ขณะเดียวกันหลายเครือข่ายภาคประชาชนได้ทีความเคลื่อนไหวออกมาสนับสนุนเรียกร้องขอผังเมืองคืน เช่นเครือข่ายขอคืนผังเมืองจังหวัดสงขลา ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง
“การขอคืนผังเมืองเพื่อปกป้องสิทธิชุมชนจากการรุกรานของทุนอุตสาหกรรม ไม่ใช่เรื่องการเมือง” โดยระบุว่าชุมชนทั่วประเทศในเขตชนบทหรือชานเมือง ส่วนใหญ่เป็นชุมชนเกษตรกรรม และพื้นที่อยู่อาศัย การมีกฏหมายผังเมืองในอดีตที่ผ่านมาร่วมกับสิทธิชุมชนในรัฐธรรมนูญ ได้ปกป้องชุมชนจากการรุกรานอย่างอุกอาจของทุนอุตสาหกรรมสกปรกได้ในระดับหนึ่ง การปลดล็อคผังเมือง ให้ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมสกปรกได้ทุกพื้นที่ตามประกาศ คสช.ฉบับ 3,4 ที่ชาวบ้านเรียกว่า ฉบับ “มัดมือชก” นั้น ย่อมทำให้เกิดการกระจายมลพิษอย่างกว้างขวาง ทำลายฐานชีวิตของผู้คนในชนบท ทำลายฐานทรัพยากรที่หล่อเลี้ยงชุมชนมายาวนาน และทำลายวิถีวัฒนธรรมแห่งความเป็นไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชุมชนรับไม่ได้ การแสดงออกเพื่อปกป้องชุมชนจึงระบาดไปทุกหย่อมหญ้าอย่างที่เห็นตามสื่อต่างๆ
แถลงการณ์ระบุว่า การเคลื่อนไหวที่กรุงเทพมหานครนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน หลังจากที่มีการแสดงออกในระดับจังหวัดมาในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ชัดเจนว่าไม่มีเสียงตอบสนองใดๆจากรัฐบาลส่วนกลาง การขึ้นกรุงเทพเพื่อไปบอกกล่าวความเห็นและการขอคืนผังเมืองที่ใจกลางศูนย์กลางอำนาจจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
การที่ฝ่ายความมั่นคงออกจดหมายไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมในกรณีนี้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้น เป็นเหตุผลที่ผิดมหันต์ เป็นเพียงการเอาใจนายหวังใช้อำนาจข่มขู่ให้เลิกชุมนุม แต่แท้จริงกลับยิ่งสร้างเงื่อนปมแห่งความเบื่อหน่าย คสช.และรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นการผลักให้ชุมชนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวไปอยู่ฝั่งไม่เอารัฐบาล
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เครือข่ายขอคืนผังเมืองจังหวัดสงขลา จึงขอให้รัฐบาลและ คสช. ยืนยันสิทธิการชุมนุมโดยสงบและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองของเครือข่ายในครั้งนี้ และขอให้รัฐบาลแม้ไม่ยืนข้างประชาชน แต่ก็ขอให้ยืนตรงกลาง ไม่ใช่ยืนเคียงข้างทุนอุตสาหกรรมสกปรกและผลประโยชน์อันสกปรกอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่าให้ประชาชนคนไทยต้องถอดใจเบื่อหน่ายกับความแกล้งไม่รู้ประสีประสาของ คสช.และรัฐบาลไปมากกว่านี้เลย
___