
นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีรายงานว่า ทหารพม่าได้ปะทะกับทหารปะหล่อง TNLA ในเขตพื้นที่เมืองจ้อกเม ทางเหนือของรัฐฉาน รวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง โดยเฉพาะวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ทางฝ่ายทหารพม่าได้ใช้เครื่องบินรบเปิดฉากโจมตีทะหารปะหล่อง ส่งผลให้ทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
กองทัพพม่า หรือ “ตั้ตมะด่อว์” ได้เพิ่มกำลังทหารหลายพันคนเข้ามาในพื้นที่เขตเมืองจ้อกเม ตั้งแต่เมื่อปลายเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้สงครามในเขตพื้นที่นี้ยังคงยืดเยื้อ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการต่างประเทศของ TNLA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ทหารพม่าได้โจมตีทหารปะหล่องรุนแรงถึง 3 ครั้ง ชาวบ้านในพื้นที่รายงานว่า มีทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายจากเหตุสู้รบครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

เหตุที่ทางกองทัพพม่าเพิ่มกำลังทหารเข้าในพื้นที่ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของพม่าประกาศว่าจะกวาดล้างกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นปัญหาสู้รบกันในพื้นที่ทางเหนือรัฐฉาน หลังจากนั้นกองทัพพม่าจึงได้เพิ่มทหารเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลายเมืองที่ยังพบเห็นการสู้รบระหว่างทหารพม่าและทหารปะหล่อง TNLA คือในเขตเมืองน้ำคำ เมืองม่านต้ง เมืองจ้อกเม เมืองน้ำสั่น นอกจากนี้ มีรายงานว่า ทหารพม่าได้โจมตีทหารคะฉิ่น KIA อย่างหนักเช่นเดียวกันที่เมืองโก้ดข่ายและเมืองหมู่เจ้ ซึ่งเมืองทั้งหมดตั้งอยู่ทางเหนือของรัฐฉาน
ก่อนหน้านี้ ในเขตเมืองจ้อกเมและในเมืองน้ำคำนั้น ยังเกิดเหตุสู้รบระหว่างทหารปะหล่อง TNLA และทหารไทใหญ่ RCSS/SSA โดยความบาดหมางระหว่างทั้งสองกลุ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว ด้านพลโทเจ้ายอดศึก กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ความขัดแย้งที่กลายเป็นเหตุสู้รบระหว่างทหารไทใหญ่และทหารปะหล่องถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของรัฐฉาน เพราะทั้งสองกลุ่มต่างก็เป็นชาติพันธุ์อยู่ในรัฐฉาน ซึ่งไม่ควรที่จะมารบราฆ่าฟันกันเอง

เหตุสงครามและความขัดแย้งในรัฐฉาน ยังส่งผลกระทบทำให้มีผู้พลัดถิ่นภายในหลายเมือง ล่าสุด ชาวบ้านกว่า 500 คน ในเมืองโก้ดข่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่หนีสงครามจากหมู่บ้านปะหล่อง ได้ทิ้งบ้านของตัวเองมาหลบภัยในเขตเมืองโก้ดข่ายตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่องค์กรที่ให้ความช่วยเหลืออย่างองค์กรสตรีดาระอั้ง Ta’ang Women’s Organization (ปะหล่อง) แสดงความกังวลว่า ผู้พลัดถิ่นภายในอาจประสบปัญหาเรื่องอาหารไม่พอเพียง หากต้องอาศัยอยู่ในเขตเมืองและยังไม่สามารถกลับบ้านได้ในเร็ววันนี้
ที่มา สำนักข่าวไทใหญ่ Panglong/Irrawaddy
แปลและเรียบเรียงโดย Transborder News