แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า ในการจัดงานประชุมวิชาการกล้วยไม้เอเชียแปซิฟิค (Asia Pacific Orchid Conference – APOC) ครั้งที่ 12 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-27 มีนาคม 2559 ณ อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด กล้วยไม้แห่งมวลมนุษยชาติ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพ ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่าเป็นการจัดงานที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่คุ้มค่าเงินกว่า 121 ล้านบาทที่จ่ายไป
ข่างแจ้งว่า การจัดประชุมกล้วยไม้นานาชาติซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ได้มีเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกล้วยไม้ทั้งหมดจาก 13 ประเทศเข้าร่วม โดยนอกจากการประชุมด้านวิชาการแล้ว ยังมีการประกวดจัดสวนกล้วยไม้จากนานาชาติกว่า 90 สวน ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกล้วยไม้ 3 ชนิดของไทย ที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ แวนด้าบลู เหลืองจันทบูร และเข็มแสด ที่มีระยะออกดอกในช่วงการจัดงานพอดี
ข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการ APOC ซึ่งมีตัวแทนจากหลายประเทศได้ประชุมหารือกัน และมีความเห็นในลักษณะตำหนิการจัดงานว่าต่ำกว่าศักยภาพ และมีหลายเรื่องที่สะท้อนความไม่เหมาะสม เช่น การเอาผู้เชี่ยวชาญกล้วยไม้บางชนิด ไปตัดสินการประกวดกล้วยไม้อีกชนิดหนึ่ง ขณะเดียวกันภายในงานมีผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมและรับฟังงานด้านวิชาการน้อยมาก โดยแรกที่เดียวทางผู้จัดตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาเยี่ยมชมงานราววันละ 4,000 คน แต่ปรากฏว่ากลับมีผู้มางานแค่เพียงวันละ 2,000คน เนื่องจากมีการประชาสัมพันธ์น้อยมาก
ข่าวแจ้งว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 อนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดงานครั้งนี้ถึงกว่า 121 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตรที่เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ก่อนการจัดงานได้มีการนำเสนอชื่อหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาเป็นแม่งาน ทั้งสถานบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และบริษัทเอกชนที่มีผลงานด้านนี้ แต่ปรากฏว่าจู่ๆกลับมีการเลือกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ไม่มีผลงานด้านการจัดงานในลักษณะนี้ให้เป็นผู้จัดงาน
“ก่อนจะถึงกำหนดจัดการงานฯ กล้วยไม้เอเชียแปซิฟิค กรมวิชาการเกษตรจัดประมูลผู้รับเหมาการจัดงานขึ้นใหม่ โดยมีการยกเลิกการว่าจ้างบริษัทที่ได้รับการประมูลมาก่อนหน้า ทั้งที่มีการเตรียมงานไปแล้วด้วย ท้ายที่สุดจึงได้ผู้รับเหมารายใหม่”แหล่งข่าว กล่าว
ศ.ระพี สาคริก บิดาแห่งกล้วยไม้ไทยและผู้ริเริ่มจัดประชุมAPOC กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณว่า 121 ล้านบาท เพราะจากประสบการณ์ที่ไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานฯ กล้วยไม้เอเชียแปซิฟิค ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2535 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นหน่วยงานหลักนั้น มีรูปแบบงานใหญ่กว่านี้ แต่ใช้งบประมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับการจัดงานในครั้งนี้ ซึ่งหากกรมวิชาการเกษตรมีการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้ทุกหน่วยงานถือเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ก็น่าจะสามารถระดมงบประมาณปกติของหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันจัดงาน โดยไม่ต้องของบประมาณพิเศษจากรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องสถานที่จัดงาน หากจัดในสถานที่เปิดโล่งที่เป็นธรรมชาติ ก็น่าจะเหมาะสมกับบรรยากาศการชมความงามของกล้วยไม้มากกว่าจัดในอาคารเช่นนี้ และยังจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณลงได้จำนวนมาก
ศ.ระพี ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์งานฯ กล้วยไม้เอเชียแปซิฟิค กล่าวอีกว่า สังคมไทยกำลังปล่อยให้คุณธรรมจริยธรรมตกต่ำ เพราะว่าของที่ให้อาหารทางใจเป็นสิ่งบำรุงคุณธรรมจริยธรรม เช่น กล้วยไม้ ดนตรี เหล่านี้ทำให้คนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ซึ่งภาพรวมของวงการกล้วยไม้ตอนนี้กำลังซบเซา การจัดงานจึงน่าจะเป็นส่วนกระตุ้นให้คนหันมาสนใจกล้วยไม้อีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร
ศ.ระพีกล่าวว่า อุดมการณ์ในการจัดการประชุมวิชาการกล้วยไม้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคือแนวความคิดในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันโดยไม่ได้เน้นที่การประกวดหรือเน้นการค้าขายที่เกิดขึ้นในงานเพื่อนำเอาไปเปรียบเทียบและพัฒนาองค์ความรู้สำหรับการยกระดับคุณภาพในทุกมิติทั้งสังคมโดยการเน้นที่บุคคลให้มีคุณภาพจิตใจและศักยภาพในการพัฒนาตนเองและสังคมอย่างรอบด้าน
“การประชุมนี้สาระสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่รางวัลใหญ่หรือเงินที่ได้จากการประกวดเพราะการประกวดนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของงานที่ไม่ได้มีความสำคัญที่สุดแต่อย่างใด การประกวดที่มีนั้นก็เป็นเพียงแค่เชิญให้เพื่อนๆของเราได้มาร่วมกิจกรรมเท่านั้น”ศ.ระพี กล่าว
/////////////////