เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 นายมนตรี มณีกิจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชุมชนเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาภัยแล้งในเกาะหลีเป๊ะรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ราคาค่าน้ำดื่มและน้ำใช้บนเกาะราคาสูงขึ้นด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวต้องแยกรับภาระค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น แม้กระทั่งน้ำดื่มที่ขายตามร้านค้าทั่วไปราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้สำหรับราคาน้ำดื่มขวดเล็กขนาด 1.5 ลิตร เริ่มต้นที่ขวดละ 30 บาท จากเดิมขวดละ 20 บาท ส่วนราคาในโรงแรม ร้านอาหารชั้นนำก็แพงขึ้นตามราคาที่ผู้ประกอบการกำหนด
นายมนตรีกล่าวว่า นอกจากปัญหาน้ำดื่มแล้ว ยังมีปัญหาน้ำใช้ ที่สถานการณ์ตอนนี้ผู้ประกอบการพยายามเปิด-ปิดน้ำประปาเป็นเวลา เพื่อประหยัดน้ำทั้งเกาะ หรือบางรายก็เลือกบริการน้ำเต็มที่แต่คิดค่าบริการห้องพักแพงขึ้น สถานการณ์แล้งครั้งนี้นอกจากกระทบต่อผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวแล้ว ยังกระทบต่อกลุ่มชาวอูรักลาโว้ยกว่า 1,000 คนที่อาศัยอยู่บนเกาะหลีเป๊ะ โดยส่วนมากต้องยอมซื้อน้ำดื่มทั้งที่รายได้มีไม่มาก แต่บางส่วนก็ยอมจ่ายค่าน้ำมันเพื่อล่องเรือไปเติมน้ำดื่มจากธรรมชาติที่เกาะอาดัง ซึ่งเริ่มแห้งขอดแล้ว
นายมนตรี กล่าต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์น้ำใช้ชาวเลบนเกาะส่วนมากมีการขุดบ่อน้ำประจำครัวเรือนจากการสำรวจทั่วทั้งเกาะ พบชาวเลมีบ่อน้ำทั้งหมด 30 บ่อ แต่ละบ่อเริ่มแห้งขอดไปตามกัน บางครัวเรือนจึงต้องอาศัยเพื่อนบ้านเพื่อขอใช้น้ำร่วมกันบรรเทาปัญหา
“น้ำธรรมชาติมันก็พอใช้ได้ แม้จะแห้งไปบ้าง แต่ว่าบางบ่อมีน้ำเสียปนมา บางครอบครัวจึงใช้ไม่ได้ก็ต้องเลี่ยง ตรงนี้เป็นปัญหา เราเองก็พยายามหาทางแก้ปัญหา โดยขนส่งน้ำให้มากขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเกาะกันเยอะ บางทีก็บริการไม่ทัน เรื่องนี้ต้องรับมือกันนานจนกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งทางอำเภอก็มีบริการช่วยเหลือบ้างเป็นบางครั้ง สำหรับน้ำเพื่อชุมชน” นายมนตรี กล่าว
ด้านนางสายใจ หาญทะเล ชาวเลอูรักลาโว้ย เกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า ชาวเลบางรายต้องหารายได้มากขึ้น โดยการรับลูกค้าไปดำน้ำ ไปเที่ยวเกาะต่างๆ เพื่อหาเงินมาซื้อน้ำ ซึ่งราคาแพงขึ้นพอๆกับค่าไฟบนเกาะ โดยบางครัวเรือนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายค่าไฟหน่วยกิตละ 25 บาท เฉลี่ยเสียค่าไฟเดือน400 ถึง 500 บาทแม้จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่ชนิด ขณะที่รายได้ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวชาวเลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 200 ถึง 300 บาท ต่อวัน
นายเศกกมล หาญทะเล ชาวเลอาชีพขับเรือรับจ้าง กล่าวว่า บ้านของตนเสียค่าไฟเดือนละ 400 บาทเป็นอย่างต่ำ ทั้งที่บ้านมีแค่พัดลม 2 เครื่อง เปิดนอนแค่ช่วงกลางคืน แต่ค่าไฟสูงมาก ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลท้องถิ่นเห็นใจและแก้ปัญหานี้ เพราะขณะนี้ค่าครองชีพเกาะหลีเป๊ะสูงมาก คนที่มีรายได้น้อยอาจหาเงินไม่พอจะใช้จ่ายบนเกาะ แต่การจัดการน้ำบนเกาะก็ค่อนข้างทำได้ยากเพราะส่วนมากที่พักแต่ละแห่งบนเกาะมีการจัดการน้ำเอง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ และสำรวจสภาพปัญหาซึ่งพบว่า ตลอดทั้งหาดปาไตดาหยา (พัทยา) หาดประมง (หาดซันเซ็ท) และหาดปาดัก (ซันไรทส์) มีบ่อน้ำบาดาลหลายแห่งที่ถูกนายทุนซื้อที่ดินและถมดินทับโดยบ่อน้ำเหล่านี้เป็นของหมู่บ้าน แม้กระทั่งคลองหลายสายที่ทอดยาวจากตะวันออกจนตะวันตกของเกาะ ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติสาธารณะที่ชาวเลเคยใช้ประโยชน์ก็ถูกถมดินทับเพื่อการก่อสร้าง
ชาวบ้านรายหนึ่งระบุว่า การถมคลองส่งผลให้ฤดูฝนเกิดน้ำท่วมในเกาะหลีเป๊ะ เนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำเหมือนเช่นเคย ชาวบ้านจนๆ ต้องเดือดร้อน ส่วนน้ำใช้เพื่อการบริโภคที่โรงแรม รีสอร์ทส่วนมากมีการขุดบ่อบาดาลใหม่และใช้ปั๊มไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อใช้ภายในอาคาร ซึ่งหนึ่งในบ่อน้ำซึมน้ำซับสำคัญที่ชาวเลเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำจืดศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกกันว่า “ตากาปาตู” ก็ถูกรีสอร์ทชื่อดังสร้างที่พักทับ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้อีกต่อไป เนื่องจากบ่อน้ำดังกล่าวถูกถมที่ดินทับ เหลือแต่ปากบ่อความลึกแค่ราว 50 เซนติเมตรเท่านั้น